อาการแพ้ฟิลเลอร์
อาการแพ้ฟิลเลอร์ หากเป็นการฉีดโดยใช้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic acid) จะมีความปลอดภัยสูงครับ โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้มีได้น้อยมากๆ ก่อนฉีดไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบอาการแพ้ สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน มีความคงตัว และสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ หรืออาการแบบไหนที่ต้องระวังหมอได้เขียนอธิบายไว้ให้แล้วในบทความนี้ครับ
สารบัญ อาการแพ้ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
มิใช่ทุกคนที่จะสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัด ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด
- หญิงมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงการให้นมบุตร
- คนที่มีแผลฟกช้ำง่าย มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่กำลังรับประทาน ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาทิเช่น ยาแอสไพริน (ASA), ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Warfarin), ยาแก้อักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (NSAIDS), สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko Biloba), วิตามินอี (Vitamin E) เป็นต้น
- ผู้ป่วยที่เป็นเริม หรืองูสวัดอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจทำให้อาการกำเริบมากขึ้นได้
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ คืออะไร ? ฉีดครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง อันตรายไหม ข้อดี-ข้อเสีย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ และอาการแพ้ฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้นได้ โดยแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้
1. เกิดรอยแดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
เกิดขึ้นได้เป็นปกติ สามารถหายไปได้เองภายในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
2. ผิวไม่เรียบ (Beading) หรือรอยนูน
เนื่องจากใช้เทคนิคการฉีดที่ตื้นจนเกินไป เช่น การฉีดในบริเวณที่ชั้นผิวมีความบาง การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือมีการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เป็นรอยนูน หรือเห็นฟิลเลอร์เป็นก้อนได้
3. การเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์
หากมีการฉีดฟิลเลอร์ใกล้ๆ กับกล้ามเนื้อที่มีการขยับบ่อยๆ อาจจะเกิดปัญหาการเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์ คือ ฟิลเลอร์มีการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณข้างเคียงที่ไม่ต้องการ ไหลออกจากตำแหน่งที่ฉีด
ดังนั้นเพื่อช่วยลดปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อนย้ายจากบริเวณที่ฉีด และสามารถรักษาผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ได้นานขึ้น จึงควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลเหมาะสม รวมทั้งเทคนิคการฉีดที่ดีด้วย
4. อาการแพ้ฟิลเลอร์
กรณีแพ้มากที่สุด คือขึ้นผดเล็กๆ บริเวณที่ฉีด โดยอาการแพ้ประเภทนี้อาจพบได้บางครั้ง ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์ผ่านพ้นไปแล้วเป็นเวลาหลายๆ เดือนหรือนานเป็นปี ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับการฉีด และอายุใช้งานของฟิลเลอร์แต่ละชนิด
5. เกิดเป็นผื่น ลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema)
เป็นอาการแพ้ฟิลเลอร์ที่จะพบได้น้อยมาก หากมีอาการต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
6. ติดเชื้อ
หากเทคนิควิธีการฉีดที่ไม่สะอาด ฉีดกับหมอกระเป๋า หรือคลินิกไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดการติดเชื้อภายหลังการฉีดฟิลเลอร์ โดยมีอาการตั้งแต่ ปวดบวม แดง ร้อน มีตุ่ม หรือก้อนหนองในบริเวณที่ฉีด Filler
7. ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง
โดยฉีดเข้าไปโดนบริเวณหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดง อาจส่งผลให้หลอดเลือดเกิดการอุดตันได้ จนอาจนำไปสู่บริเวณที่เส้นเลือดนั้นมาเลี้ยงเกิดอาการเนื้อตาย (Necrosis)
(ตัวอย่างเคสแก้ไข กรณีเกิดอุบัติเหตุจากการฉีดฟิลเลอร์จมูก)
8. ตาบอด ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์
อันเนื่องมาจาก Filler ที่ฉีดเข้าไปอุดตัน บีบ หรือกดหลอดเลือดแดง (Supratrochlear and Supraorbital Artery) ซึ่งมีแขนงต่อไปที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา (Ophthalmic Artery) จนส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น
ฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือด มีเนื้อตายชั่วคราว (สังเกตที่จุดสีดำๆ) ซึ่งหากทำโดยใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ HA ที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง จะปลอดภัยเนื่องจากสามารถแก้ไขได้อย่างทันการณ์
หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง? หากอยากให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น
คนไข้ควรใส่ใจในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ หากอยากให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะอาหารบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีส่วนกระตุ้นการอักเสบ หรือทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้นได้ครับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นด้วย
- งดอาหารที่มีรสเผ็ดจัด หรือแสบร้อนจนหน้าแดง
- งดดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการกินชาบู หมูกะทะ ปิ้งย่าง ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง เนื่องจากมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
- ควรงดนมวัว และอาหารที่มีรสหวานจัด เนื่องจากสามารถกระตุ้นให้เกิดการบวมอักเสบ
- ควรงดสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า รวมถึงทำให้ผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารจากร้านอาหารที่ไม่สะอาด เพราะพยาธิบางชนิดในอาหารอาจไปทำปฏิกิริยากับฟิลเลอร์จนเกิดการอักเสบได้
(แนะนำ : ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไรฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี)
สุดท้ายนี้ การฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงควรฉีดโดยแพทย์เท่านั้น เพราะถ้าแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มีเทคนิคการฉีดที่ดี หากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด และช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในภายหลังได้ครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ