Hifu กับ Botox
Hifu กับ Botox ต่างกันอย่างไร ?
อยากลดริ้วรอย ปรับหน้าเรียว ลดแก้มเหนียง เลือกทำแบบไหนดีถึงจะเห็นผล ?
Hifu กับ Botox ยังคงเป็นหัตถการยอดนิยมและเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยและมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้าครับ เนื่องจากทั้งสองหัตถการนี้ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างทั้งในเรื่องหลักการทำงาน , ข้อดี-ข้อเสีย รวมไปถึงระยะเวลาเห็นผลและราคาครับ
สำหรับคนที่มีข้อสงสัยว่า Hifu กับ Botox ต่างกันอย่างไร? สามารถทำพร้อมกันได้ไหม? ระหว่าง Hifu กับ Botox อันไหนดีกว่ากัน? ในบทความนี้หมอจะมาให้คำตอบพร้อมให้คำแนะนำเพื่อให้คนไข้สามารถนำไปพิจารณาในการตัดสินใจครับ
Hifu กับ Botox ต่างกันอย่างไร ?
ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะเลือกทำอะไรดี อยากปรับหน้าเรียว ลดริ้วรอย เลือกทำแบบไหนถึงจะเห็นผล? เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจในคุณสมบัติของเทคโนโลยีทั้งสองตัวก่อนว่า Hifu กับ Botox มีหลักการทำงานต่างกันอย่างไรครับ
Hifuคือ เครื่องมือยกกระชับผิวที่สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขนและต้นขา ช่วยเพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและลดสัดส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น จึงช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน ดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติครับ
Hifu มีหลักการทำงานอย่างไร ?
Hifu มีหลักการทำงานโดยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งจะเป็นพลังงานคงที่ มีจุดขนาด 0.5 mm.- 1 mm. มีลักษณะคล้ายจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว ทำให้ชั้นไขมันและชั้น SMAS เกิดการหดตัว โดยใช้ความร้อนลงใต้ผิว 60°C-70°C ไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้าย ๆ กับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อนๆ เนื้อจะหดครับ
บทความแนะนำ
โบท็อก คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “Botulinum Toxin A” เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้ว ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว เห็นกรอบหน้าชัด คนที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อก็สามารถฉีดโบท็อกเพื่อให้กรามเล็กลง หน้าดูเรียวขึ้นครับ
Botox มีหลักการทำงานอย่างไร ?
เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลงครับ ซึ่งหลักการทำงานของโบท็อกสามารถแยกกระบวนการออกฤทธิ์ได้ 2 ส่วนคือ
- ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท
เป็นส่วนที่โบท็อกจะออกฤทธิ์และถ้าส่วนนี้มีความเข้มข้นสูงก็จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ การทำงานของโบท็อกจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ผิวหนังก็จะตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ
- ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม
ส่วนนี้จะปลิวไปตามกระแสเลือดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม. หลังฉีด และถูกขับออกไปโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่นในร่างกายครับ
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Hifu กับ Botox มีหลักการทำงานที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันครับ ดังนั้นระหว่าง Hifu กับ Botox เลือกทำอะไรเพื่อให้ได้ผลดี ต้องพิจารณาที่ความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นหลักและขึ้นอยู่กับการพิจารณของหมอครับ
Hifu กับ Botox อันไหนดีกว่ากัน ?
Hifu กับ Botox อันไหนดีกว่ากัน? หมอขอตอบว่าดีทั้งคู่ครับ ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีปัญหาอะไรและต้องการแก้อย่างไร? แต่ละคนเหมาะกับหัตถการไหนมากกว่ากัน อย่างปัญหาริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก เช่นบริเวณหน้าผาก หางตา ฉีดโบท็อกอย่างเดียวก็เพียงพอครับ แต่ในเคสที่ดื้อโบท็อก ก็สามารถใช้ Hifu เพื่อช่วยในการลดริ้วรอยได้
ทั้งนี้รวมไปถึงความคุ้มค่าอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย เช่น งบประมาณ จำนวนครั้งที่ต้องทำ ระยะเวลาเห็นผลซึ่งต้องวิเคราะห์เป็นรายบุคคลครับ
ข้อดีของ Hifu
ข้อดีของ Hifu คือ เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม มีริ้วรอยน้อย ไม่ลึกมาก สามารถทำได้บ่อยครั้ง หลังทำ Hifu สามารถกลับไปทำกิจกรรมอื่นๆ ตามปกติได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันทีประมาณ 20% และเห็นผลเต็มที่ใน 3-4 เดือน
การทำ Hifu ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน และสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับคนไข้สามารถทนเจ็บได้หรือไม่ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ Hifu ด้วยครับ หากต้องการให้ผิวกระชับขึ้นก็สามารถทำ Hifu เพิ่มได้ทุกๆ 3 เดือน
ข้อดีของ Botox
ข้อดีของ Botox คือ ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นและปรับรูปหน้าที่ได้ผลชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัดใช้เวลาในการทำไม่นาน โบท็อกแท้ที่ได้มาตรฐาน สามารถสลายเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง
- โบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน
- โบท็อกลดกราม จะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 เดือน
หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด ความลึกของริ้วรอยเหี่ยวย่น และปริมาณกล้ามเนื้อครับ
Hifu กับ Botox ควรทำอันไหนก่อน ?
การเรียงลำดับหัตถการนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ครับ เนื่องจาก Hifu กับ Botox มีหลักการทำงานและเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น คนที่มีกรามใหญ่ ต้องการลดกรามเพื่อปรับหน้าให้ดูเรียว หมอจะแนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกรามก่อน แล้วค่อยใช้ Hifu ในการยกกระชับกรอบหน้า เก็บริ้วรอยเล็ก ๆ เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้นครับ
สรุป
Hifu กับ Botox เป็นหัตถการที่ช่วยลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หลักการทำงาน โบท็อกจะเป็นตัวยาที่รบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อได้ ส่วน Hifu เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ยิงลงไปในชั้นผิว ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น
สรุปแล้วระหว่าง Hifu กับ Botox อย่างไหนคุ้มค่าและเห็นผลดีกว่ากัน ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำ Hifu ควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกได้ครับ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเรียงลำดับการทำได้อย่างถูกต้อง เห็นผล ปลอดภัยและคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทีมแพทย์ V Square Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ