ร้อยไหมคอลลาเจน คืออะไร ? ช่วยลดริ้วรอยดีไหม ? ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?

ร้อยไหมคอลลาเจน

ปัจจุบันการร้อยไหมได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้มีชนิดของไหมออกมาหลายชนิด อย่างไหมคอลลาเจนที่นิยมนำมาร้อยเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยหน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ก็เป็นหนึ่งในชนิดของไหมที่ได้รับความนิยมครับ

สำหรับใครที่สนใจร้อยไหมคอลลาเจน ในบทความนี้หมอจะมาให้ข้อมูลว่า ร้อยไหมคอลลาเจนดีไหม? ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร? ข้อควรระวังร้อยไหมคอลลาเจนมีอะไรบ้าง สามารถติดตามอ่านได้ครับ

ร้อยไหมคอลลาเจน คือ ?

จริง ๆ แล้วไหมคอลลาเจน ไม่ใช่ชื่อไหมครับ แต่ร้อยไหมคอลลาเจน คือไหมทั่วไปที่มีการตั้งชื่อขึ้นเพื่อเหตุผลทางการตลาดของคลินิกนั้น ๆ  เช่นเดียวกับไหมก้างปลา ไหมกุหลาบ ไหมปิรันย่า ไหมจระเข้ ไหมมังกร ไหมปากฉลาม ไหมทับทิม ไหม double-lock ไหมทอร์นาโด เป็นต้น

ที่ชื่อไหมคอลลาเจน เพราะเป็นการร้อยไหมเพื่อสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างอีลาสติน สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้า กระชับผิวได้เล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไหมเรียบ (mono) ที่ทำมาจากวัสดุ pdo, plla ที่เป็นไหมละลายยุคแรกๆ มีเส้นเล็กและสั้น ใช้สำหรับการร้อยในผิวชั้นตื้น

ไหมมีกี่แบบ ?

ไหมละลายที่นินมใช้และผ่าน อย. ในปัจจุบันแบ่งได้ 2 แบบครับคือ แบ่งตามลักษณะของเส้นไหม และแบ่งตามวัสดุที่ใช้ โดยสามารถแบ่งลักษณะของเส้นไหม เป็น 4 แบบ หลักๆ ดังนี้

1.ไหมเรียบ (Mono threads)

• ไหมเรียบ มีชื่ออื่นที่คลินิกแต่ละแห่งตั้งชื่อขึ้นมา เช่น ไหมคอลลาเจน, ไหมมิราคุ, ไหมสเต็มเซล, ไหม ruby, ไหมทับทิม ฯลฯ
• เป็นไหมละลายเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว 
• นิยมใช้ร้อยเพื่อช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ทำให้ชั้นผิวฟูขึ้น ช่วยกระชับผิวได้เล็กน้อย หรือลดริ้วรอยในบางจุด เช่น ร่องใต้ตา ริ้วรอยหน้าผาก ลดความหย่อนคล้อยที่คอ
• ใช้ประมาณ 10-20 เส้นต่อหนึ่งจุดที่ทำ
• จะเห็นผลในช่วง 4-5 เดือน อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน

2.ไหมเงี่ยง (Barbed threads/ Cog threads)

• ไหมเงี่ยง มีชื่อทางการแพทย์คือ bidirectional barbed thread ชื่ออื่นที่คลินิกแต่ละแห่งตั้งขึ้นมา เช่น ไหมก้างปลา, ไหมเงี่ยงกุหลาบ,ไหมก้างปลา 8D, ไหม Rose, ไหมฟันฉลาม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมล็อค,ไหมค็อก ฯลฯ
• เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยง เหมือนตะขอ หรือคล้ายก้างปลา มีทั้งแบบเงี่ยง 1 ทิศทางและ 2 ทิศทาง มีคุณสมบัติเด่นคือช่วยดึงรั้งเนื้อเยื่อผิวได้ดี นิยมใช้ในการยกกระชับแก้มที่หย่อน ลดแก้มตอบ ดึงหนังตาตก ร้อยไหมเก็บปีกจมูก เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า 
• ใช้ประมาณ 6-12 เส้นต่อการยกกระชับแก้มทั้ง 2 ข้าง
• อยู่ได้ 4-12 เดือน

3.ไหมเกลียว (Screw Threads /Tornado Threads)

• ไหมเกลียว หรือชื่ออื่นที่คลินิกแต่ละแห่งตั้งขึ้นมา เช่น ไหมสปริง, ไหมทอร์นาโด ฯลฯ
•  ก่อนสอดเข้าใต้ผิวหนัง หมอจะใช้ไหม 1-2 เส้นพันกันเป็นเกลียวแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นไหมในการยกกระชับ
• นิยมใช้เพื่อเติมเต็มผิวที่ยุบเป็นแอ่งให้เรียบตึงขึ้น หรือช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยบางจุด หรือต้องการยกแก้มบริเวณแก้มส้ม
• ใช้ประมาณ 6-8 เส้นต่อหนึ่งจุดที่ทำ
• อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน

4.ไหมกรวย (Silhouette Soft)

• ไหมกรวย หรือชื่ออื่นที่คลินิกแต่ละแห่งตั้งขึ้นมา เช่น ไหมเทอร์โบ, ไหมโคน, ไหม Silhouette, ไหมกรวยซิลลูเอท, ไหม PGA เป็นต้น 
• ลักษณะของไหมจะมีปมติดเป็นระยะ ๆ ที่เส้นไหม คล้ายโคนหรือกรวย
• นิยมใช้ในการยกกระชับใบหน้า เห็นผลหลังทำทันที แต่ต้องใช้เข็มใหญ่ โอกาสบวมช้ำสูง จึงใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าไหมเงี่ยง และมีราคาสูงเมื่อเทียบกับไหมชนิดอื่น ๆ
• ใช้ประมาณ 2-8 เส้น ต่อการทำแต่ละบริเวณ
• อยู่ได้ 8-10 เดือน

ไหมคอลลาเจน ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?

ไหมคอลลาเจน เป็นไหมละลายเส้นเล็ก ผิวเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเป็นเกลียว เป็นไหมชนิดแรก ๆ ที่นำมาใช้ในการร้อยไหมครับ นิยมใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดความหย่อนคล้อย แต่ไม่สามารถช่วยดึงยกกระชับผิวได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว

ไหมคอลลาเจน ใช้ไหมอะไร กี่เส้น ?

ไหมคอลลาเจนทำมาจากวัสดุ pdo, plla ครับ ด้วยลักษณะของไหมที่เป็นเส้นเล็ก ในการทำต่อครั้งจึงใช้ปริมาณไหมค่อนข้างมาก ประมาณ 10-20 เส้นต่อหนึ่งจุดที่ทำ แต่หากใช้ไหมก้างปลาจะใช้ประมาณข้างละ 3-10 เส้น ขึ้นกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลครับ

ร้อยไหมคอลลาเจน ช่วยเรื่องอะไร ดีไหม ?

ไหมคอลลาเจน ช่วยในเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน มักใช้ร้อยเพิ่มเติมร่องใต้ตา ริ้วรอยหน้าผาก ลดความหย่อนคล้อยที่คอครับ ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้แล้ว เพราะไหมเป็นไหมรุ่นเก่า แต่อาจจะมีใช้ในบางเคสที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ตรงมุมปากคล้ายลักยิ้ม หมอจะใช้ไหม mono วางคั่นเพื่อให้ผิวหนาขึ้นและจะพับยากขึ้น หรือใช้แก้ริ้วรอยในบางจุด เช่น ริ้วรอยหางตา หน้าผาก หรือในเคสที่ดื้อโบท็อก

ปัจจุบันเทรนด์การร้อยไหมจะเน้นไปที่การยกกระชับหน้ามากกว่าครับ โดยเปลี่ยนมาเป็นร้อยไหมก้างปลาที่ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน หากมีคนไข้ถามถึงหรือจำเป็นต้องใช้ไหม monoหมอจะแนะนำไหม plla แทนครับ เพราะไม่ว่าจะร้อยไหมคอลลาเจนหรือไหมก้างปลา หากหมอร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใย collagen ช่วยประคองผิวให้ยกกระชับได้เช่นกัน

ร้อยไหมคอลลาเจน ราคาเท่าไหร่ ?

รีวิวร้อยไหมคอลลาเจน

ข้อควรระวังร้อยไหมคอลลาเจน

การร้อยไหมคอลลาเจนมีข้อควรระวังคือ หากหมอไม่มีความชำนาญ เลือกใช้การร้อยไหมคอลลาเจนแทนฟิลเลอร์ ผลคือจะทำให้เกิดพังผืดในอนาคตได้ หรือมีความเสี่ยงบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ ซึ่งการใช้ไหมไม่ถูกกับหน้าคนไข้ ทำให้ไม่ได้ผลตามที่หวัง ทำให้เสียทั้งเงินและเวลาครับ

ร้อยไหมคอลลาเจน กี่วันเห็นผล ?

หลังร้อยไหมจะเห็นผลได้ทันทีครับ โดยในช่วง 3-4 วันแรกจะบวม และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 4-5 เดือน

ร้อยไหมคอลลาเจน อยู่ได้นานไหม

ร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้ประมาณ 8 เดือนครับ บางคนที่เคยร้อยไหมมาแต่พบว่าอยู่ได้ไม่นาน 3-4 เดือนก็คลายแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังร้อยไหมและปัจจัยที่มีผลต่ออายุของไหมหรือคงผลลัพธ์หลังทำ เช่น วัสดุที่ใช้ร้อยไหม, Elastin ในเนื้อของคนไข้เอง และการสร้าง Elastin ของเซลล์ผิวครับ

สรุป

การร้อยไหมคอลลาเจน เป็นการร้อยเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้า กระชับผิวได้เล็กน้อย หรือใช้เติมเต็มกรอบหน้าที่ตอบในคนที่ผอม ๆ ได้ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะเป็นไหมรุ่นเก่าที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนาครับ และยังมีไหมตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า เห็นผลชัดกว่า เช่น ไหมก้างปลาครับ

หากคนไข้สนใจร้อยไหม สามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ว่าเป็นไหมชนิดใด เป็นแบบเรียบหรือแบบก้างปลา รวมถึงปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์แบบที่ต้องการครับ