ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา ตีนกา เป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งวัย และเป็นปัญหาที่สร้างความไม่มั่นใจ เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้เด่นชัดเมื่อเกิดริ้วรอย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่ริ้วรอยตามช่วงวัยจากอายุที่มากขึ้นเท่านั้น ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อย เกิดได้จากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา มารู้สาเหตุและ 20 วิธีแก้ไข ลดริ้วรอยใต้ตา ป้องกันริ้วรอยใต้ตาได้อย่างไร? ในบทความนี้ครับ
ริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ?
ริ้วรอยใต้ตา คือ หนึ่งในปัญหาใต้ตา โดยมากจะเริ่มพบเมื่ออายุมากขึ้น แต่ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยก็มีได้ครับ จะสังเกตเห็นเป็นริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจ เพราะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ริ้วรอยใต้ตา แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ริ้วรอยตอนแสดงสีหน้า (Dynamic Line) คือ ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวซ้ำของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง จะพบเมื่อมีการเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า การแสดงสีหน้า (Expression Wrinkle) ไม่ว่าจะเป็น ยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้
- ริ้วรอยคงที่ (Static Line) คือ ริ้วรอยที่ต่อให้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวบนบริเวณใบหน้าก็สามารถมองเห็นได้ริ้วรอยประเภทนี้จะพบในคนที่มีผิวแห้ง จากการที่ผิวสูญเสียคอลลาเจน และในคนที่แสดงสีหน้าบ่อย ๆ ก็จะพัฒนามาเป็นริ้วรอยประเภทนี้ได้ครับ
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ?
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวที่เคยยืดหยุ่น เต่งตึง เรียบเนียน เกิดริ้วรอยย่น โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่จะเริ่มสังเกตเห็นเป็นริ้วรอยใต้ตา เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบาง เมื่อเกิดริ้วรอยจึงมีความชัดเจนกว่าจุดอื่น ๆ
- กระดูกใต้ตามีการยุบตัว เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใต้ตาจะยุบตัวลงทุกคนครับ ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งวัย โดยจะมองเห็นเป็นร่องใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และอีกหลาย ๆ ปัญหา ดู รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 10 ปัญหาใต้ตายอดฮิต เพิ่มเติมได้ครับ
- ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีไขมันน้อย จึงทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ
- การแสดงสีหน้าที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น ยิ้ม หัวเราะ หยีตา ย่นจมูก ท่าทางต่าง ๆ เหล่านี้ จะกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าทำงานหนักขึ้น เมื่อทำบ่อยขึ้น ผิวบริเวณนั้นก็จะกลายเป็นริ้วรอย เกิดรอยพับ รอยย่นที่เห็นเป็นเส้น ๆ ได้ชัดเจน เช่น ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยหางตา รอยตีนกา
- แสงแดด รังสี UV ในแสงแดด เป็นตัวทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมไปถึงสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่ทำลายเซลล์ผิว เช่น ฝุ่น ควัน มลพิษต่าง ๆ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลตัวเอง เช่น ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ เครียด พักผ่อนน้อย ชอบรับประทานของหวาน ของมัน ของทอด อาหารแปรรูป อาหารโซเดียมสูง คาเฟอีน รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ซึ่งมีสารนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ผิว ทำให้สุขภาพผิวแย่ลง เกิดริ้วรอยได้ง่าย
จะเห็นได้ว่าริ้วรอยใต้ตา เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ละเคสมาพบหมอมาด้วยปัญหาใต้ตาที่แตกต่างกัน แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาริ้วรอยใต้ตาได้อย่างแม่นยำ เพื่อเลือกหัตถการที่สามารถแก้ไขริ้วรอยใต้ตาได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนครับ
วิธีแก้ริ้วรอยใต้ตา
วิธีลดริ้วรอยใต้ตา มีหลายวิธี เห็นผลช้าเร็วแตกต่างกันครับ หมอรวบรวม 20 วิธีแก้ริ้วรอยใต้ตา ทั้งวิธีทางการแพทย์ที่เห็นผลไว และวิธีทั่วไป เช่น การดูแลตัวเอง การปรับพฤติกรรมต่าง ๆ มาแนะนำครับ
1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด หรือ HA เนื้อฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ร่องลึกใต้ตา จากกระดูกใต้ตาที่ยุบตัว หลังฉีดฟิลเลอร์ ผิวบริเวณใต้ตาดูตื้นขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยใต้ตาลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เป็นวิธีการแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตาที่ตรงจุด หลังฉีดเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที เห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 14 วัน อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
นอกจากปัญหาริ้วรอยใต้ตาแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาอื่น ๆ เช่น ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล รวมถึงเติมเต็ม ปรับรูปหน้า ในจุดอื่น ๆ เช่น คาง ร่องแก้ม ปาก ขมับ หน้าผาก จมูก รู้จักฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้น ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc
2. ฉีดโบท็อกใต้ตา
โบท็อกใต้ตา คือ โบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin A) เมื่อฉีดโบท็อกเข้าสู่ผิวจะส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวไม่เกิดการพับ จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา หรือรอยย่นเล็ก ๆ เวลายิ้ม ที่เรียกกันว่ารอยตีนกา ริ้วรอยหางตาได้ครับ
หลังฉีดโบท็อกใต้ตา เพื่อลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอยย่นเล็ก ๆ ใต้ตา โบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 3-4 วัน จะรู้สึกตึง ๆ ผิว แล้วตึงเต็มที่ใน 14 วัน อยู่ได้นาน 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อังกฤษ เกาหลี อเมริกา เยอรมัน คุ้มค่า ผ่าน อย. 2022
3. Hifu ใต้ตา
Hifu คือ เครื่องมือยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียว ด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตา และรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย หมอจะใช้หัวยิงขนาด 1.5-2.0 mm เก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา รอบดวงตา หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 20% ผิวใต้ตาตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
4. Ulthera SPT ใต้ตา
Ulthera ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัด รวมถึงลดริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า โดยจะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง เช่นเดียวกับ Hifu ครับ แต่ขนาดจุดโฟกัสที่ยิงลงใต้ผิวหนังจะใหญ่กว่า
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลดริ้วรอยใต้ตา กระตุ้นเนื้อเยื่อ Fibroblasts ทำให้ผิวรอบดวงตาตึงกระชับขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยใต้ตาลดลง ถุงใต้ตาลดลง หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 1 ปี
5. Thermage FLX ใต้ตา
ในการทำ Thermage ใต้ตา และบริเวณรอบดวงตา หมอจะยิงคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ลงไปในชั้นผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวใต้ตา รอบดวงตา แน่นกระชับขึ้น โดยจะใช้หัวเฉพาะ EYE Tip 0.25 cm² ซึ่งจะเป็นคนละแบบกับที่ใช้ทำหน้า เหมาะสำหรับเคสที่มีริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ แต่ไม่อยากผ่าตัด หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือนอยู่ได้นาน 1-2 ปี
6. ฉีดเมโสหน้าใส
การลดริ้วรอยใต้ตา ด้วยการฉีดเมโสหน้าใส เป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวครับ ไม่ใช่หัตถการแรก ๆ ที่หมอแนะนำให้ทำ แต่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หมอแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
โดยหนึ่งสาเหตุของการเกิดริ้วรอยใต้ตา ตามที่หมอได้อธิบายไปข้างต้น มาจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งเพราะคอลลาเจนลดหายไป การฉีดเมโสหน้าใสที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงริ้วรอยใต้ตาด้วยเช่นกัน เห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด เห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน อยู่ได้นาน 1-2 เดือน
7. ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา จะใช้ไขมันของคนไข้เองมาฉีด ส่วนมากจะใช้ไขมันส่วนเกินจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง หมอจะใช้เครื่องดูดไขมันดูดออกมา นำไปปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาใช้ ผสมกับเนื้อเยื่อไขมันแล้วนำไปเติมเต็มบริเวณใต้ตา
หลังฉีดไขมันใต้ตา อยู่ได้นาน 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์ผู้ฉีดครับ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าในบางเคส การฉีดไขมันใต้ตาครั้งแรกอาจไม่เห็นผล เนื่องจากร่างกายได้ดึงเอาไขมันส่วนนั้นไปใช้ จึงหวังผลได้ไม่แน่นอน ส่วนในเคสที่ได้ผลก็อาจอยู่ได้ 3-4 เดือน
อีกทั้งมีกระบวนการฉีดไขมันใต้ตาที่ค่อนข้างยุ่งยาก ถ้าเทียบฉีดไขมันใต้ตา VS ฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สะดวกและเห็นผลได้ชัดเจนกว่าครับ
9. PRP ใต้ตา
PRP (Platelet Rich Plasma) คือ การนำเกล็ดเลือดของตัวเองมาใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตา และปัญหาใต้ตาคล้ำ โดยแพทย์จะเจาะเลือด ประมาณ 20 CC แล้วนำมาปั่นแยกส่วน เพื่อให้ได้พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือด และ Growth factor เข้มข้น
ข้อดี คือ เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือดของตัวเอง ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตากลับอิ่มฟูขึ้นมาได้
โดยทั่วไปแล้วการทำ PRP นับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และดูแลอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทุกคนที่สามารถทำได้ครับ การทำ PRR ไม่เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด มีปัญหาโลหิตจาง รวมถึงโรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงคนไข้ต้องเจ็บตัวหลายครั้ง ต้องทำต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลชัดเจน
10. ผ่าตัดศัลยกรรมใต้ตา
การผ่าตัดเพื่อลบริ้วรอยใต้ตาเป็นการแก้ปัญหาที่อยู่ได้นานกว่าวิธีอื่น ๆ ครับ ที่นิยมมากคือการผ่าเอาเอาถุงใต้ตาหรือจัดการกับผิวที่หย่อนคล้อยมาก ๆ เพื่อแก้ใต้ตาเหี่ยว เปลือกตาย่น โดยการผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออกและเย็บบริเวณนั้นใหม่ ทำให้ผิวใต้ตาตึงกระชับ และช่วยลดริ้วรอยใต้ตาได้อย่างเห็นผล
แต่เนื่องจากเป็นการผ่าตัด ย่อมมีแผลหลังผ่าตัด รวมไปถึงต้องมีการดูแล ระมัดระวังบริเวณที่ผ่าตัด ต้องมีเวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลหายสนิท และหากแพทย์ผ่าตัดศัลยกรรมใต้ตากับแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ทำออกมาแล้วไม่สวย จะแก้ไขได้ยาก
11. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเยอะ ๆ เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนั้น นอกจากจะดีต่อสุขภาพ ยังดีต่อผิวอีกด้วยครับ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นของผิวก็จะเริ่มลดลง การดื่มน้ำเยอะ ๆ วันละ 1.5-2 ลิตร (8-10 แก้ว) จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งรวมถึงไปผิวบริเวณรอบดวงตา ไม่ให้เกิดริ้วรอยใต้ตา
12. พักผ่อนให้เพียงพอ
พักผ่อนน้อยเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ สิว หรือริ้วรอย ดังนั้นจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูผิว เพราะขณะที่เราหลับ ร่างกายจะหลั่งสารจำเป็นที่จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13. จัดท่านอนให้เหมาะสม
ท่านอนที่เหมาะสม และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยน้อยที่สุด คือ ท่านอนหงาย เพราะหากนอนคว่ำหน้า หรือนอนตะแคงเป็นเวลานาน ๆ ผิวจะได้รับแรงกดทับ ซึ่งมีผลให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยได้ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม
15. ทาครีมกันแดดรอบดวงตา
ริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงริ้วรอยใต้ตา ไม่ได้เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่รังสี UV จากแสงแดดยังทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน การที่ต้องโดนแดดเป็นประจำโดยไม่ทาครีมกันแดดป้องกัน จะทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าและใต้ตาเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ
16. ทาครีมบำรุงใต้ตา
ครีมบำรุงใต้ตา ครีมลดริ้วรอยใต้ตา หรืออายครีม สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวบริเวณใต้ตาไม่แห้ง และเกิดรอยพับได้ง่าย เช่น ริ้วรอยใต้ตาเวลายิ้ม เวลาแสดงสีหน้า
มีข้อควรระวังในการเลือกครีมบำรุงรอบดวงตา เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบาง หากใช้ครีมบำรุงผิวหน้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ควรเลือกครีมบำรุงรอบดวงตาโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของวิตามินซี และวิตามินเอ เวลาทาให้ใช้นิ้วนางในการทา เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่มีแรงกดน้อย ทำให้ไม่รบกวนผิวบริเวณใต้ตา หรือเกิดการเสียดสีจนเป็นริ้วรอยครับ
การทาครีมบำรุงใต้ตาเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ แต่การทาครีมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นใต้ตาได้อย่างเห็นผลชัดเจน ถ้าเทียบกับวิธีทางการแพทย์
ริ้วรอยใต้ตาป้องกันอย่างไร ?
ปัญหาริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยก็พบได้ และเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวก็จะลดลงเรื่อย ๆ แต่เราสามารถชะลอริ้วรอยใต้ตาได้ด้วยการเอาใจใส่ผิวบริเวณใต้ตา รอบดวงตาให้ดี หมอมีคำแนะนำดังนี้ครับ
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หมั่นทาครีมบำรุงรอบดวงตาทุกวัน
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- สวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาอย่างเบามือ
- ไม่ขยี้ตาหรือถูตาแรง ๆ
- เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ละสายตาจากหน้าจอเพื่อพักผ่อนสายตา
สำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยใต้ตาจากอายุที่มากขึ้น อยากแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนและเห็นผลไว สามารถปรึกษาหมอก่อนได้ครับ เพื่อประเมินใบหน้า วิเคราะห์ปัญหา และเลือกหัตถการหรือเครื่องมือที่เหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจนครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ