ริ้วรอยใต้ตา หมอปุ๋ย

ริ้วรอยใต้ตา

ริ้วรอยใต้ตา ตีนกา เป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งวัย และเป็นปัญหาที่สร้างความไม่มั่นใจ เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้เด่นชัดเมื่อเกิดริ้วรอย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่ริ้วรอยตามช่วงวัยจากอายุที่มากขึ้นเท่านั้น ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อย เกิดได้จากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา มารู้สาเหตุและ 20 วิธีแก้ไข ลดริ้วรอยใต้ตา ป้องกันริ้วรอยใต้ตาได้อย่างไร? ในบทความนี้ครับ

ริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ?

ริ้วรอยใต้ตา คือ หนึ่งในปัญหาใต้ตา โดยมากจะเริ่มพบเมื่ออายุมากขึ้น แต่ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยก็มีได้ครับ จะสังเกตเห็นเป็นริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจ เพราะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ริ้วรอยใต้ตา แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. ริ้วรอยตอนแสดงสีหน้า (Dynamic Line) คือ ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวซ้ำของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง จะพบเมื่อมีการเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า การแสดงสีหน้า (Expression Wrinkle) ไม่ว่าจะเป็น ยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้
  2. ริ้วรอยคงที่ (Static Line) คือ ริ้วรอยที่ต่อให้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวบนบริเวณใบหน้าก็สามารถมองเห็นได้ริ้วรอยประเภทนี้จะพบในคนที่มีผิวแห้ง จากการที่ผิวสูญเสียคอลลาเจน และในคนที่แสดงสีหน้าบ่อย ๆ ก็จะพัฒนามาเป็นริ้วรอยประเภทนี้ได้ครับ
ริ้วรอยใต้ตาคือ

ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ?

  1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวที่เคยยืดหยุ่น เต่งตึง เรียบเนียน เกิดริ้วรอยย่น โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่จะเริ่มสังเกตเห็นเป็นริ้วรอยใต้ตา เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบาง เมื่อเกิดริ้วรอยจึงมีความชัดเจนกว่าจุดอื่น ๆ
  2. กระดูกใต้ตามีการยุบตัว เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใต้ตาจะยุบตัวลงทุกคนครับ ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งวัย โดยจะมองเห็นเป็นร่องใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และอีกหลาย ๆ ปัญหา ดู รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 10 ปัญหาใต้ตายอดฮิต เพิ่มเติมได้ครับ
  3. ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีไขมันน้อย จึงทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ
  4. การแสดงสีหน้าที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น ยิ้ม หัวเราะ หยีตา ย่นจมูก ท่าทางต่าง ๆ เหล่านี้ จะกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าทำงานหนักขึ้น เมื่อทำบ่อยขึ้น ผิวบริเวณนั้นก็จะกลายเป็นริ้วรอย เกิดรอยพับ รอยย่นที่เห็นเป็นเส้น ๆ ได้ชัดเจน เช่น ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยหางตา รอยตีนกา
  5. แสงแดด รังสี UV ในแสงแดด เป็นตัวทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมไปถึงสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่ทำลายเซลล์ผิว เช่น ฝุ่น ควัน มลพิษต่าง ๆ
  6. พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลตัวเอง เช่น ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ เครียด พักผ่อนน้อย ชอบรับประทานของหวาน ของมัน ของทอด อาหารแปรรูป อาหารโซเดียมสูง คาเฟอีน รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ซึ่งมีสารนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ผิว ทำให้สุขภาพผิวแย่ลง เกิดริ้วรอยได้ง่าย

จะเห็นได้ว่าริ้วรอยใต้ตา เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ละเคสมาพบหมอมาด้วยปัญหาใต้ตาที่แตกต่างกัน แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาริ้วรอยใต้ตาได้อย่างแม่นยำ เพื่อเลือกหัตถการที่สามารถแก้ไขริ้วรอยใต้ตาได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนครับ

วิเคราะห์ปัญหาริ้วรอยใต้ตา

วิธีแก้ริ้วรอยใต้ตา

วิธีลดริ้วรอยใต้ตา มีหลายวิธี เห็นผลช้าเร็วแตกต่างกันครับ หมอรวบรวม 20 วิธีแก้ริ้วรอยใต้ตา ทั้งวิธีทางการแพทย์ที่เห็นผลไว และวิธีทั่วไป เช่น การดูแลตัวเอง การปรับพฤติกรรมต่าง ๆ มาแนะนำครับ

1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด หรือ HA เนื้อฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ร่องลึกใต้ตา จากกระดูกใต้ตาที่ยุบตัว หลังฉีดฟิลเลอร์ ผิวบริเวณใต้ตาดูตื้นขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยใต้ตาลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เป็นวิธีการแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตาที่ตรงจุด หลังฉีดเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที เห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 14 วัน อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอซี
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

นอกจากปัญหาริ้วรอยใต้ตาแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาอื่น ๆ เช่น ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล รวมถึงเติมเต็ม ปรับรูปหน้า ในจุดอื่น ๆ เช่น คาง ร่องแก้ม ปาก ขมับ หน้าผาก จมูก รู้จักฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้น ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc

2. ฉีดโบท็อกใต้ตา

โบท็อกใต้ตา คือ โบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin A) เมื่อฉีดโบท็อกเข้าสู่ผิวจะส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวไม่เกิดการพับ จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา หรือรอยย่นเล็ก ๆ เวลายิ้ม ที่เรียกกันว่ารอยตีนกา ริ้วรอยหางตาได้ครับ

หลังฉีดโบท็อกใต้ตา เพื่อลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอยย่นเล็ก ๆ ใต้ตา โบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 3-4 วัน จะรู้สึกตึง ๆ ผิว แล้วตึงเต็มที่ใน 14 วัน อยู่ได้นาน 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อังกฤษ เกาหลี อเมริกา เยอรมัน คุ้มค่า ผ่าน อย. 2022

โบท็อกใต้ตา

3. Hifu ใต้ตา

Hifu คือ เครื่องมือยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียว ด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตา และรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย หมอจะใช้หัวยิงขนาด 1.5-2.0 mm เก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา รอบดวงตา หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 20% ผิวใต้ตาตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 5-6 เดือน

รีวิว hifu ใต้ตา

4. Ulthera SPT ใต้ตา

Ulthera ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัด รวมถึงลดริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า โดยจะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง เช่นเดียวกับ Hifu ครับ แต่ขนาดจุดโฟกัสที่ยิงลงใต้ผิวหนังจะใหญ่กว่า

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลดริ้วรอยใต้ตา กระตุ้นเนื้อเยื่อ Fibroblasts ทำให้ผิวรอบดวงตาตึงกระชับขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยใต้ตาลดลง ถุงใต้ตาลดลง หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 1 ปี

Ulthera SPT ใต้ตา หมอเป้
Ulthera SPT ใต้ตา1

5. Thermage FLX ใต้ตา

ในการทำ Thermage ใต้ตา และบริเวณรอบดวงตา หมอจะยิงคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ลงไปในชั้นผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวใต้ตา รอบดวงตา แน่นกระชับขึ้น โดยจะใช้หัวเฉพาะ EYE Tip 0.25 cm² ซึ่งจะเป็นคนละแบบกับที่ใช้ทำหน้า เหมาะสำหรับเคสที่มีริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ แต่ไม่อยากผ่าตัด หลังทำเห็นผลทันทีประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือนอยู่ได้นาน 1-2 ปี

Thermage ใต้ตา หมอแอน

6. ฉีดเมโสหน้าใส

การลดริ้วรอยใต้ตา ด้วยการฉีดเมโสหน้าใส เป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวครับ ไม่ใช่หัตถการแรก ๆ ที่หมอแนะนำให้ทำ แต่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หมอแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

โดยหนึ่งสาเหตุของการเกิดริ้วรอยใต้ตา ตามที่หมอได้อธิบายไปข้างต้น มาจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งเพราะคอลลาเจนลดหายไป การฉีดเมโสหน้าใสที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงริ้วรอยใต้ตาด้วยเช่นกัน เห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด เห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน อยู่ได้นาน 1-2 เดือน

เมโสหน้าใส

7. ฉีดไขมันใต้ตา

การฉีดไขมันใต้ตา จะใช้ไขมันของคนไข้เองมาฉีด ส่วนมากจะใช้ไขมันส่วนเกินจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง หมอจะใช้เครื่องดูดไขมันดูดออกมา นำไปปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาใช้ ผสมกับเนื้อเยื่อไขมันแล้วนำไปเติมเต็มบริเวณใต้ตา

หลังฉีดไขมันใต้ตา อยู่ได้นาน 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์ผู้ฉีดครับ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าในบางเคส การฉีดไขมันใต้ตาครั้งแรกอาจไม่เห็นผล เนื่องจากร่างกายได้ดึงเอาไขมันส่วนนั้นไปใช้ จึงหวังผลได้ไม่แน่นอน ส่วนในเคสที่ได้ผลก็อาจอยู่ได้ 3-4 เดือน

อีกทั้งมีกระบวนการฉีดไขมันใต้ตาที่ค่อนข้างยุ่งยาก ถ้าเทียบฉีดไขมันใต้ตา VS ฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สะดวกและเห็นผลได้ชัดเจนกว่าครับ

ฉีดไขมันลดริ้วรอยใต้ตา

8. เลเซอร์ใต้ตา

คนไข้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาลึก ไม่ว่าจากการยิ้ม การขยับ การแสดงสีหน้าหรือกระดูกใต้ตายุบตัว จะไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์ครับ การทำเลเซอร์จะเหมาะกับปัญหาเล็ก ๆ ริ้วรอยใต้ตาไม่ลึกมาก ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายสูง ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน

9. PRP ใต้ตา

PRP (Platelet Rich Plasma) คือ การนำเกล็ดเลือดของตัวเองมาใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตา และปัญหาใต้ตาคล้ำ โดยแพทย์จะเจาะเลือด ประมาณ 20 CC แล้วนำมาปั่นแยกส่วน เพื่อให้ได้พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือด และ Growth factor เข้มข้น

ข้อดี คือ เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือดของตัวเอง ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตากลับอิ่มฟูขึ้นมาได้

โดยทั่วไปแล้วการทำ PRP นับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และดูแลอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทุกคนที่สามารถทำได้ครับ การทำ PRR ไม่เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด มีปัญหาโลหิตจาง รวมถึงโรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงคนไข้ต้องเจ็บตัวหลายครั้ง ต้องทำต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลชัดเจน

10. ผ่าตัดศัลยกรรมใต้ตา

การผ่าตัดเพื่อลบริ้วรอยใต้ตาเป็นการแก้ปัญหาที่อยู่ได้นานกว่าวิธีอื่น ๆ ครับ ที่นิยมมากคือการผ่าเอาเอาถุงใต้ตาหรือจัดการกับผิวที่หย่อนคล้อยมาก ๆ เพื่อแก้ใต้ตาเหี่ยว เปลือกตาย่น โดยการผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออกและเย็บบริเวณนั้นใหม่ ทำให้ผิวใต้ตาตึงกระชับ และช่วยลดริ้วรอยใต้ตาได้อย่างเห็นผล

แต่เนื่องจากเป็นการผ่าตัด ย่อมมีแผลหลังผ่าตัด รวมไปถึงต้องมีการดูแล ระมัดระวังบริเวณที่ผ่าตัด ต้องมีเวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลหายสนิท และหากแพทย์ผ่าตัดศัลยกรรมใต้ตากับแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ทำออกมาแล้วไม่สวย จะแก้ไขได้ยาก

11. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำเยอะ ๆ เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนั้น นอกจากจะดีต่อสุขภาพ ยังดีต่อผิวอีกด้วยครับ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นของผิวก็จะเริ่มลดลง การดื่มน้ำเยอะ ๆ วันละ 1.5-2 ลิตร (8-10 แก้ว) จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งรวมถึงไปผิวบริเวณรอบดวงตา ไม่ให้เกิดริ้วรอยใต้ตา

ดื่มน้ำให้ผิวชุ่มชื้น

12. พักผ่อนให้เพียงพอ

พักผ่อนน้อยเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ สิว หรือริ้วรอย ดังนั้นจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูผิว เพราะขณะที่เราหลับ ร่างกายจะหลั่งสารจำเป็นที่จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

13. จัดท่านอนให้เหมาะสม

ท่านอนที่เหมาะสม และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยน้อยที่สุด คือ ท่านอนหงาย เพราะหากนอนคว่ำหน้า หรือนอนตะแคงเป็นเวลานาน ๆ ผิวจะได้รับแรงกดทับ ซึ่งมีผลให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยได้ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม

14. ทำความสะอาดผิวบริเวณรอบดวงตาให้สะอาด

หากรักษาความสะอาดบนใบหน้า รวมถึงรอบดวงตาได้ไม่ดีพอ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิว ริ้วรอยใต้ตาได้ เพราะในแต่ละวันผิวของเราต้องเจอทั้งเครื่องสำอาง ฝุ่น และมลภาวะตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นตัวการกระตุ้นให้ผิวเสื่อมโทรมและเกิดริ้วรอยครับ

15. ทาครีมกันแดดรอบดวงตา

ริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงริ้วรอยใต้ตา ไม่ได้เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่รังสี UV จากแสงแดดยังทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน การที่ต้องโดนแดดเป็นประจำโดยไม่ทาครีมกันแดดป้องกัน จะทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าและใต้ตาเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ

ทาครีมกันแดดรอบดวงตา

16. ทาครีมบำรุงใต้ตา

ครีมบำรุงใต้ตา ครีมลดริ้วรอยใต้ตา หรืออายครีม สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวบริเวณใต้ตาไม่แห้ง และเกิดรอยพับได้ง่าย เช่น ริ้วรอยใต้ตาเวลายิ้ม เวลาแสดงสีหน้า

มีข้อควรระวังในการเลือกครีมบำรุงรอบดวงตา เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบาง หากใช้ครีมบำรุงผิวหน้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ควรเลือกครีมบำรุงรอบดวงตาโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของวิตามินซี และวิตามินเอ เวลาทาให้ใช้นิ้วนางในการทา เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่มีแรงกดน้อย ทำให้ไม่รบกวนผิวบริเวณใต้ตา หรือเกิดการเสียดสีจนเป็นริ้วรอยครับ

การทาครีมบำรุงใต้ตาเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ แต่การทาครีมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นใต้ตาได้อย่างเห็นผลชัดเจน ถ้าเทียบกับวิธีทางการแพทย์

17. มาสก์ใต้ตา

มาส์กใต้ตา มีทั้งแผ่นมาส์กและเจลครีมให้เลือกหลายสูตรด้วยกัน สำหรับสูตรต่อต้านริ้วรอย ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา แม้จะระบุว่ามีคุณสมบัติช่วยคืนความชุ่มชื้น ขจัดความหมองคล้ำใต้ตา ลดอาการบวม และลดริ้วรอยใต้ตา แต่ผลลัพธ์อาจเห็นไม่ชัดเจนนัก หลัก ๆ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายมากกว่าครับ

18. ถุงชาประคบ

นำถุงชาประคบบนเปลือกตา หรือใต้ตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีชาดำประกอบด้วยสารแอนติออกซิแดนท์สูง หรือสารที่สามารถขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย รวมถึงวิตามินอี และวิตามินซีที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยใต้ตา ลดรอยคล้ำใต้ตาให้จางลง และลดอาการบวมของเปลือกตาได้

ถุงชาประคบ

19. สมุนไพร ลดริ้วรอยใต้ตา

ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยสูตรสมุนไพร ช่วยให้ผิวรอบดวงตามีความชุ่มชื้นขึ้น กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งสูตรที่นิยม เช่น แตงกวา ใบบัวบก แครอท มะเขือเทศ ใบตำลึงหรือว่านหางจระเข้ สามารถนำมาใช้มาส์กหน้าและบริเวณรอบดวงตาได้ครับ

20. เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

การเปิดแอร์เย็นเกินไป แม้ว่าจะทำให้รู้สึกสบายตัว แต่มีผลต่อผิวโดยตรง อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ริ้วรอยเด่นชัดมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม อยู่ที่ประมาณ 25 องศา

ริ้วรอยใต้ตาป้องกันอย่างไร ?

ปัญหาริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยก็พบได้ และเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวก็จะลดลงเรื่อย ๆ แต่เราสามารถชะลอริ้วรอยใต้ตาได้ด้วยการเอาใจใส่ผิวบริเวณใต้ตา รอบดวงตาให้ดี หมอมีคำแนะนำดังนี้ครับ

  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หมั่นทาครีมบำรุงรอบดวงตาทุกวัน
  • ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • สวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาอย่างเบามือ
  • ไม่ขยี้ตาหรือถูตาแรง ๆ
  • เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ละสายตาจากหน้าจอเพื่อพักผ่อนสายตา

สำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยใต้ตาจากอายุที่มากขึ้น อยากแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนและเห็นผลไว สามารถปรึกษาหมอก่อนได้ครับ เพื่อประเมินใบหน้า วิเคราะห์ปัญหา และเลือกหัตถการหรือเครื่องมือที่เหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจนครับ

ปรึกษาออนไลน์ฟรี หมอโต้ง หมอแพน หมอเบิร์ด

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า