
juvelook vs sculptra
juvelook vs sculptra สองนวัตกรรมงานผิวตัวดังที่กำลังได้รับความนิยมในวงการเสริมความงาม จัดเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่น คืนความอ่อนเยาว์ มีความปลอดภัย ตอบโจทย์คนที่อยากมีหน้าใส เนียนเด้ง หน้าเด็ก โดยไม่ต้องผ่าตัดครับ
ในบทความนี้หมอจะมาเจาะลึกคุณสมบัติและเปรียบเทียบความเหมือน ความต่างระหว่าง juvelook vs sculptra ว่าแต่ละตัวมีส่วนประกอบอะไร ? มีกระบวนการทำงานอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? ฉีดด้วยกันได้ไหม ? เลือกฉีดตัวไหน ให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน
สารบัญ juvelook vs sculptra
ทำความรู้จัก juvelook และ sculptra
ก่อนจะเปรียบเทียบความเหมือน-ความต่างระหว่าง juvelook vs sculptra หมอแนะนำให้รู้จักกับทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้กันก่อนครับ
juvelook คืออะไร ?
Juvelook คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำน้ำ เป็นนวัตกรรมงานผิวแบบ Hybrid Biostimulator ด้วยการผสมผสานกันระหว่าง 2 สารประกอบสำคัญอย่าง PDLLA และ HA มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก KFDA ประเทศเกาหลี, CE จากยุโรป และ อย.ไทย
sculptra คืออะไร ?
Sculptra คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือ Collagen Biostimulator ที่สกัดจาก PLLA (Poly-L-Lactic acid) เป็นสารสังเคราะห์ที่สามารถดูดซึมได้ จัดอยู่ในกลุ่มสารกึ่งถาวร เน้นฟื้นฟูโครงสร้างชั้นลึกใต้ผิว ช่วยให้ผิวกระชับ เฟิร์ม แน่น แข็งแรงจากภายใน มีความปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐานยุโรป CE, US FDA และ อย.ไทย
juvelook vs sculptra เหมือนกันอย่างไร ?
ทั้ง juvelook และ sculptra มีวัตถุประสงค์หลักในการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูและดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ได้รับการรับรองจาก FDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจในความปลอดภัยครับ

ข้อควรรู้ : คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่พบในร่างกาย แต่อัตราการสร้างคอลลาเจนจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน 1.5% ต่อปีตั้งแต่อายุ 25 ปี และน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวเริ่มแห้ง มีริ้วรอย ไม่กระชับ หากไม่ได้รับการดูแลก็จะเป็นริ้วรอยร่องลึกได้
juvelook vs sculptra ต่างกันอย่างไร ?
ความแตกต่างของ juvelook และ sculptra อยู่ที่สารประกอบที่ใช้ กระบวนการทำงานในการฟื้นฟูแก้ปัญหาผิว ทำให้มีจุดเด่นที่ต่างกันไป หมอเปรียบเทียบ juvelook vs sculptra ให้อย่างละเอียดดังนี้
1.ประเทศผู้ผลิต
- juvelook เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลีใต้ นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท จูวีเทค จำกัด
- sculptra ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด
2.ส่วนประกอบหลัก
- juvelook มีส่วนผสมถึง 2 ตัว เรียกว่า PDLLA ย่อมาจาก Poly-D, L-Lactic Acid ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว และมี Non-Crosslinked Hyaluronic Acid ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำวาว
- sculptra มีส่วนประกอบหลักคือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น
3.กระบวนการทำงาน
- juvelook มีกระบวนการทำงานที่โดดเด่นใน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- Step 1. Physical Support : สาร HA จะเข้าไปช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- Step 2. Restoration : อนุภาคของ PDLLA จะเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
- Step 3. Maintenance : เห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 6 เดือนหลังฉีด PDLLA จะสลายตัวในร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
- sculptra ออกฤทธิ์โดยใช้ Subclinical Inflammation เมื่อเกิดการอักเสบระดับเซลล์ จะมีการส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เรียกว่า Macrophage (แมคโครฟาจ) เข้ามาเหนี่ยวนำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่ชื่อว่า Fibroblast (ไพโบรบาสต์) ทำให้เกิดคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
4.ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- juvelook ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ผิวกระจ่างใส ริ้วรอยใต้ตาเรียบเนียนขึ้น ลดรอยแผลเป็น รอยแตกบนผิวหนัง
- sculptra ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายใน มีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ยกกระชับ
5.ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
- juvelook สามารถใช้ฉีดได้หลายจุดเลยครับ ทั้งใบหน้า ใต้ตา ตีนกา ลำคอ บริเวณที่มีริ้วรอย มีผิวแห้งกร้าน หรือตรงหลังมือ ข้อศอก หัวเข่า ก็สามารถฉีดได้ครับ
- sculptra จุดที่สามารถฉีดได้จะเป็นบริเวณขมับ หน้าแก้ม (Midface) กรอบหน้า ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณ T โซนหรือในจุดที่ขยับบ่อย
6.ปริมาณตัวยาที่ใช้ในการฉีด
- juvelook และ sculptra ในส่วนของปริมาณตัวยาที่ใช้ ในการคำนวณจำนวน CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันครับ ซึ่งหมอก็จะประเมินจากปัญหาว่าควรฉีดกี่ CC
7.ระยะเวลาการเห็นผล
- juvelook หลังฉีดผิวจะดูชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องลึกบางจุดจะตื้นขึ้นทันที หลังจากนั้น 2-4 สัปดาห์ การกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวจะเริ่มทำงาน และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน
- sculptra หลังฉีดประมาณ 2-3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง แต่จะเห็นผลชัดเจนในช่วง 3 เดือน
8.ระยะเวลาการคงสภาพผลลัพธ์
- juvelook สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-16 เดือน และอาจสูงสุดถึง 2 ปีเลยครับ
- sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี
9.ความถี่ในการฉีด
- juvelook แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะในทุก ๆ 4 สัปดาห์
- sculptra ในช่วงแรกแนะนำให้ฉีด 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะในทุก ๆ 4-6 สัปดาห์
10.ราคา
- juvelook ราคาประมาณ 15,000 – 25,000 บาทต่อ 1 ขวด
- sculptra ราคาประมาณ 20,000-40,000 บาทต่อ 1 ขวด
juvelook vs sculptra เลือกแบบไหน เหมาะกับใคร ?
juvelook และ sculptra เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาวครับ
juvelook เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่การผลิตคอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง
- ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม หรือบริเวณอื่น ๆ ที่เริ่มมีร่องลึก
- ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวและรอยแผลเป็น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวหมองคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการกระชับผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว
- ผู้ที่มีปัญหารอยแตกลายบนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ท้อง แขน หรือขา
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า
- ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือทำสกินบูสเตอร์อื่น ๆ แต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
- ผู้ที่มีจุดด่างดำบนใบหน้า รอยแดง รอยดำสิว

sculptra เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ผิวที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้ยาวนาน ไม่มีเวลาฉีดบ่อย เพราะ Sculptra คงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี

juvelook และ sculptra ฉีดด้วยกันได้ไหม ?
การฉีด Juvelook และ Sculptra ด้วยกันสามารถทำได้ แต่ควรเว้นระยะห่าง ถ้าฉีด Sculptra มาแล้วควรเว้นระยะ 3-6 เดือน จึงสามารถมาฉีด Juvelook ได้ครับ
สรุป juvelook vs sculptra เลือกฉีดอะไรดี ?
juvelook vs sculptra เลือกฉีดตัวไหนดี ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละคนครับ Juvelook เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีในเรื่องการเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วน Sculptra เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาว โดยเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวลึกและช่วยปรับรูปหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
