ฉีดโบท็อก
โบท็อก คืออะไร ? จริง ๆ แล้ว BOTOX มีชื่อทางการแพทย์ เรียกว่า “Botulinum toxin A” เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium botulinum ออกฤทธิ์โดยไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท (Neurotoxin) “การฉีดโบท็อก” จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น และปรับรูปหน้า ที่ได้ผลชัดเจน ใช้เวลาไม่นาน
การใช้โบท็อกต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ถึงมีความปลอดภัยครับ คนไข้ที่สนใจการฉีดโบท็อกควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดโบท็อกทุกครั้ง หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกมาแนะนำในบทความนี้ครับ
โบท็อก คืออะไร ?
โบท็อก คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง มีชื่อทางการแพทย์ เรียกว่า “Botulinum toxin A” เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ตัวยาโบท็อกจะออกฤทธิ์โดยไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอย หรือในคนที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อก็สามารถฉีดโบท็อกเพื่อให้กรามเล็กลง เป็นวิธีทำให้หน้าเรียวได้ครับ
ฉีดโบท็อก ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?
โบท็อกช่วยอะไรบ้าง ? botox คือ ตัวยาที่สามารถใช้ฉีดได้หลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่ที่นิยม คือใช้ลดริ้วรอย ลดกรามและปรับหน้าเรียวครับ
- ช่วยลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง ริ้วรอยบนใบหน้าจึงค่อย ๆ ลดลง โบท็อกจะฉีดตรงบริเวณริ้วรอยบนใบหน้า เช่น เส้นที่หน้าผาก ตีนกา รอยขมวดคิ้ว ช่วยให้ดูอ่อนวัยกว่าเดิม
- ช่วยปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 เดือน โบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เนื่องจากกล้ามเนื้อโดยปกติหากไม่ได้ขยับเขยื้อนจะค่อย ๆ มีขนาดเล็กลงอยู่แล้ว หมอจะฉีดตรงแนวขากรรไกร กราม เพื่อปรับใบหน้าให้เล็กและเรียวขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูผิว การฉีดโบท็อกสามารถช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้ โดยหมอจะฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อและต่อมไขมัน เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
บริเวณที่นิยมฉีดโบท็อก มักเป็นส่วนที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ได้แก่ หางตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว ที่ผิวเกิดรอยพับจากการแสดงสีหน้าหรืออารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงการลดกราม ปรับหน้าเรียว ส่วนใหญ่ก็นิยมฉีดโบท็อก เพราะเห็นผลเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลครับ หมอรวบรวมข้อมูลจุดฉีดโบท็อกมาให้ดังนี้
ฉีดโบท็อก อันตรายหรือไม่ ?
การฉีดโบท็อก ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงถาวร (ในกรณีที่เป็นโบท็อกแท้ ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ไม่นับรวมโบท็อกปลอม)
โบท็อกแท้ที่ได้มาตรฐาน สามารถสลายเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ ความปลอดภัยยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ที่ฉีดโบท็อก หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ประเมินปริมาณตัวยาที่เหมาะสม จะไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายครับ
การฉีดโบท็อกที่อันตรายคือฉีดกับหมอกระเป๋า หมอที่ไม่มีประสบการณ์ เพราะหมอที่มีประสบการณ์จะรู้กายวิภาค และได้เรียนพวกตำแหน่งเส้นเลือด กล้ามเนื้อ หากพลาดฉีดโบท็อกโดนเส้นเลือดก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ได้ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกอันตรายไหม ? ก่อนฉีด Botox ควรระวังอะไรบ้าง ?
โบท็อก มีวิธีทำงานอย่างไร ?
เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง ริ้วรอยต่าง ๆ จะลดลง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ ลดกรามและปรับหน้าเรียวได้
(โบท็อกยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท ทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง)
ฉีดโบท็อก ดีไหม ?
การฉีดโบท็อกสามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลากหลาย ทั้งช่วยลดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผากหรือริ้วรอยตรงหว่างคิ้ว ช่วยปรับรูปหน้าเรียวและกระชับกรอบหน้าให้หน้า V-Shape มากขึ้น
นอกจากนี้การฉีดโบท็อก ยังได้ถูกยอมรับจากวงการแพทย์ว่ามีความปลอดภัย แม้ว่า Botox จะเป็นสารที่ฉีดเข้าร่างกาย แต่ก็สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้าง และไม่อันตรายต่อร่างกายครับ
หมอแนะนำเพิ่มเติมครับ สำหรับคนที่อายุน้อย แต่ริ้วรอยเยอะ สามารถที่จะฉีดโบท็อกลดริ้วรอยได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ครับ ตั้งแต่ที่ริ้วรอยเล็ก ๆ ตื้น ๆ ป้องกันไม่ให้กลายเป็นริ้วรอยร่องลึกในอนาคต
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าฉีดโบท็อกดีไหม ? ลองเช็กริ้วรอยบนใบหน้าง่าย ๆ ด้วยการเลิกคิ้ว ขมวดคิ้ว และหยีตา ที่สามารถบอกได้ว่าถึงเวลาฉีดโบท็อกแล้วหรือยังครับ
จุดที่แตกต่างกันในโบท็อกแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิด protein complex, ขนาดของ molecule complex และความคงทนในการเก็บรักษาครับ
โบท็อกอเมริกา (Allergan)
Allergan เป็นบริษัท original ของโบท็อก มีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย และผ่านการพัฒนาเพื่อที่มีฉีดโบท็อกไปแล้วจะมีโอกาสดื้อโบท็อกน้อยที่สุด และเห็นผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ครับ
โบท็อกอเมริกาตัวยามีการกระจายตัวแคบที่สุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำ การฉีดโบท็อกอเมริกาเพื่อให้อยู่ได้นานและผลเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกได้แม่นยำครับ
โบท็อกอังกฤษ (Dysport)
จุดเด่นของโบท็อกอังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดลิฟหน้าด้วยเทคนิค dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้จะนิยมใช้ Dysport ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่องครับ
และเนื่องจากโบท็อกอังกฤษมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงเช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด
โบท็อกเกาหลี (Nabota/Botulax)
โบท็อกเกาหลีถือเป็นโบท็อกที่ได้รับความนิยมครับ ทั้ง Nabota/Aestox ส่วนใหญ่โบท็อกเกาหลีจะเน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไวเทียบเท่าโบท็อก Allergan (โบท็อกอเมริกา) แต่มีราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว
- Nabota
โบท็อกเกาหลียี่ห้อ Nabota เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จุดเด่นของ nabota botox คือออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดค่อนข้างเร็ว ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7%
เหมาะกับคนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน นิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และสามารถนำมาใช้เพื่อลดกราม ยกคิ้ว กระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กยิ่งขึ้น
- Aestox
โบท็อก ยี่ห้อ Aestox เป็นโบท็อกเกาหลีอีกหนึ่งตัวที่ผ่าน อย.ไทย ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง จึงช่วยลดโอกาสในการดื้อได้ดี เห็นผลไว มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง นิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา รอยย่นหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ปรับรูปหน้าให้หน้าเรียว ลดเหงื่อ
โบท็อกเยอรมัน (Xeomin)
โบท็อกเยอรมันจะเน้นพัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน คุณสมบัติต่าง ๆ จึงอยู่กึ่งกลางระหว่างอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูงและตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ได้ผลที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
และยังมีงานวิจัยที่แสดงว่า Xeomin สามารถให้ออกฤทธิ์ได้ในเคสที่ดื้อโบท็อก (โดยที่เคสนั้น ๆ ต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี)
อ่านบทความเพิ่มเติม : โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด Botox อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน แตกต่างกันอย่างไร ?
วิธีสังเกตโบท็อกแท้ ดูอย่างไร ?
หากมีความรู้เรื่องการสังเกตโบท็อกแท้และโบท็อกปลอมด้วยตัวเอง สามารถตรวจสอบได้ว่า โบท็อก ที่นำมาฉีดเข้าสู่ร่างกายให้นั้น ปลอดภัยจริงหรือไม่ครับ
การตรวจเช็กโบท็อกแท้ง่าย ๆ คือ ต้องมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน ด้านข้างต้องมีตัวหนังสือภาษาไทยแสดงเลขที่อย. มีวันผลิต และวันหมดอายุที่กล่องกับขวดต้องตรงกัน และระบุว่านำเข้าโดยบริษัทใดครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีดูยาแท้ โบท็อกยี่ห้อต่าง ๆ (Allergan/Dysport/Xeomin/Nabota/Botulax)
ก่อนตัดสินใจ ฉีดโบท็อกซ์ หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานครับ เพื่อความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและลดความเสี่ยงในการเจอโบท็อกปลอม
เลือกคลินิกฉีดโบท็อกให้ปลอดภัย ควรพิจารณาอะไรบ้าง ?
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ ได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
- เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ใช้โบท็อกแท้เท่านั้น การฉีดโบท็อกปลอมจะทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อก (ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา)
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ เช่น Facebook Pantip
ข้อดีของการฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
นอกจากมีความปลอดภัยแล้ว แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีความรู้ด้านโครงสร้างผิว รู้ตำแหน่งเส้นเลือดสำคัญ รู้ว่าต้องฉีดอย่างไรให้ปลอดภัย และให้ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ คนไข้ควรเข้ารับการฉีดโบท็อก กับคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
ถ้าไม่รู้จะไปฉีดโบท็อก ที่ไหนดี สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ! ก่อนฉีดควรพิจารณาอะไรบ้าง
โปรโมชั่น | ปริมาณยูนิต (U) | ราคา |
---|---|---|
โบท็อกลดกราม หน้าเรียว | 100 U | เริ่มต้น 6,999.- |
โบท็อกลดริ้วรอย หน้าเรียว (ทั่วหน้า) | 100 U | เริ่มต้น 7,500.- |
โบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อ | 100 U | เริ่มต้น 7,500.- |
โบท็อกต้นแขน น่อง | 150 U | เริ่มต้น 10,500.- |
โปรโมชัน โบท็อก ที่ V Square Clinic
ฉีดโบท็อกหน้าเรียวจริงไหม ?
การฉีดโบท็อก ช่วยให้หน้าเรียวได้จริงครับ โดย 14 วันหลังฉีดคนไข้จะรู้สึกว่าหน้าเรียว วีเชฟมากขึ้น แต่ทั้งนี้โบท็อกจะเห็นผลกับกล้ามเนื้อเท่านั้น หมอจะต้องประเมินว่าคนไข้ที่อยากหน้าเรียว มีปัญหาจากจุดไหน จากกระดูก กล้ามเนื้อหรือว่าไขมัน เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสมให้ครับ ซึ่งหากคนไข้มีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ หมอก็อาจจะพิจารณาให้ฉีดเมโสแฟตร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
การฉีดโบท็อก สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ครับ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หมออาจแนะนำให้คนไข้ทำ 2-3 หัตถการร่วมกัน โดยหมอจะประเมินเป็นรายเคส เช่น
คนไข้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว สามารถฉีดโบท็อกลดกราม ช่วยยกกระชับกรอบหน้า ฉีดเมโสแฟตเหนียงลดไขมันสะสม และฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเสริมคางได้สัดส่วน รูปหน้า V-Shape ขึ้น หรือฉีดโบท็อกลดขนาดกรามให้เล็กลง ร่วมกับร้อยไหมยกกระชับหน้าเรียว สำหรับคนไข้ที่มีปัญหากรามใหญ่ และมีผิวหน้าหย่อนคล้อยมาก ๆ ครับ
นอกจากนี้การฉีดโบท็อกยังสามารถทำร่วมกับกลุ่มเครื่องยกกระชับ ยกตัวอย่าง Hifu Ultraformer lll ถ้าคนไข้ต้องการลดกราม ปรับหน้าเรียว หมออาจจะแนะนำให้ฉีดโบท็อกก่อน จากนั้นเว้นช่วง 14 วัน เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ แล้วกลับมาทำ Hifu เพื่อช่วยยกกระชับใบหน้า เก็บริ้วรอยเล็ก ๆ เสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
ฉีดโบท็อกต้องฉีดซ้ำไหม อยู่ได้นานเท่าไร ?
การฉีดโบท็อก ไม่สามารถอยู่ได้ถาวรครับ หลังการฉีดจะเริ่มเห็นผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด ความลึกของริ้วรอยเหี่ยวย่น และปริมาณกล้ามเนื้อ
โบท็อก จึงต้องมีการฉีดซ้ำต่อเนื่องตามระยะเวลา เพื่อให้โบท็อกคงสภาพ นอกจากนี้การฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้การฉีดโบท็อกครั้งต่อไปอยู่ได้นานกว่าเดิม
3 จุดควรระวัง หากจะต้องการฉีดโบท็อก
- ตำแหน่งที่ 1 : เหนือหางคิ้วด้านนอก เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นประสาท ควบคุมการเคลื่อนไหวของคิ้วจำนวนมาก หากฉีดโบท็อกเข้าไปจะทำให้ระบบประสาทไม่ทำงาน หางคิ้วตกลง ทำให้หน้าดูเศร้า จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้แก้ด้วยฟิลเลอร์ หรือ HIFU
- ตำแหน่งที่ 2 : ริ้วรอยเปลือกตา บริเวณนี้มีเส้นประสาทที่ควบคุมการยกเปลือกตาอยู่ อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง จะกระทบกับระบบประสาทส่วนอื่นของลูกตา หากฉีดโบท็อกตรงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือหนังตาตกอย่างชัดเจน หมอไม่แนะนำครับ จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้ผ่าตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก หรือฉีดฟิลเลอร์เติมเปลือกตาด้านบนครับ
- ตำแหน่งที่ 3 : มุมปากและริ้วรอยรอบปาก หากฉีดโบท็อกที่จุดนี้ จะมีผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของมุมปาก เมื่อระบบประสาทไม่ทำงาน มุมปากก็จะตกลง ดูเหมือนคนหน้าบึ้ง และจะทำให้การพูดการยิ้มดูไม่ธรรมชาติ แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดและปลอดภัย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากฉีดโบท็อกซ์
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อก เช่น รู้สึกเมื่อย หรือตึง ๆ บริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติ ไม่เป็นอันตราย ส่วนผลข้างเคียงที่ผิดปกติ เช่น
- อักเสบติดเชื้อ
- ฉีดโบท็อกแล้วตาตก
- ฉีดโบท็อกแล้วปากเบี้ยว
- ยิ้มไม่สุด หน้าแข็ง
สาเหตุเกิดจากฉีดโบท็อกกับแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้เทคนิคการฉีด ตำแหน่งกล้ามเนื้อ ส่งผลกระทบไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่น เช่น ฉีดใกล้เปลือกตาด้านบน แก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและหนังตาตก หรือฉีดโบท็อกไปโดนกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่คอยควบคุมการยกมุมปากขึ้นเวลายิ้ม ทำให้ปากเบี้ยว
นอกจากนี้การประเมินปริมาณโบท็อกไม่เหมาะสม ใช้จำนวนยูนิตเยอะเกินไป ทำให้ตัวยากระจายตัวกว้าง ก็ส่งผลต่อบริเวณใกล้เคียงได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งเรื่องของความสะอาดปลอดเชื้อ หากไม่มีการควบคุมดูแลที่ดี อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อหลังฉีดโบท็อกได้ครับ
คนไข้สามารถป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ด้วยการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ไม่ควรซื้อโบท็อกที่ขายตามอินเทอร์เน็ตมาฉีดเอง หรือฉีดกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋า เพราะการฉีดโบท็อกไม่ใช่จะฉีดกับใครก็ได้ ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อก และใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
โบท็อกปลอมยังอาจทำให้เกิดอาการแพ้โบท็อก มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง หรือรู้สึกอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจติดขัด เพราะร่างกายของเราสร้างภูมิต้านทานต่อสิ่งแปลกปลอม แต่ละคนอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองมากน้อยต่างกันได้ หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์
ส่วนที่มีการแชร์ตามอินเทอร์เน็ตว่ายาฆ่าเชื้อ ลดอักเสบ แก้ปวด มีผลต่อโบท็อก จริง ๆ แล้วไม่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกครับ แต่ที่ต้องให้คนไข้งดยาก่อนฉีด เพราะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันเลือดออกง่ายและเสี่ยงต่ออาการช้ำ หมอจึงแนะนำให้งดยากลุ่มนี้ก่อนทำหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก รวมไปถึงวิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินถึงปัญหาได้ตรงจุด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
- ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและเกิดผลข้างเคียง
- ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป หรือขอกล่องและขวดกลับบ้าน ไว้ตรวจสอบเพื่อมั่นใจว่าเป็นของแท้
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
- งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
ขั้นตอนการฉีดโบท็อก
- พบแพทย์เพื่อปรึกษาประเมินรูปหน้า สภาพผิว ปัญหาที่กังวล
- เลือกยี่ห้อของโบท็อกที่จะใช้ เพื่อให้เหมาะกับปัญหาและจุดที่ฉีด ซึ่งมีให้เลือกทั้งของอเมริกา/อังกฤษ/เยอรมัน/เกาหลี โดยแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของการกระจายตัวยา ความเร็วในการออกฤทธิ์และระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ รวมไปถึงราคาที่แตกต่างกันครับ
- แพทย์ฉีดโบท็อกในตำแหน่งที่ต้องการรักษา และเลือกใช้โบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
- สำหรับคนที่กังวลว่าฉีดโบท็อก เจ็บไหม ก่อนฉีดจะมีการทายาชาหรือประคบน้ำแข็งก่อนเพื่อให้คนไข้ไม่เจ็บ แล้วแพทย์จะฉีดโบท็อกด้วยเข็มขนาดเล็กไปยังบริเวณกล้ามเนื้อครับ
หลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไร ?
- หลังฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
- ควรทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น และทำงานดีขึ้น
- งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชม. เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชม. เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด ทำเลเซอร์
- หลังฉีดโบท็อกควรงดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และอยู่ได้สั้นลงอีกด้วย
“ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น”
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อห้าม! ก่อน-หลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ Botox อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดโบท็อกแล้วเป็นก้อน
ต้องสังเกตก่อนครับว่าฉีดโบท็อกแล้วเป็นก้อนมีลักษณะเป็นก้อนแบบไหน ในกรณีที่เป็นก้อนบวมจากรอยเข็ม อาจเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ 2-3 วัน อาการบวมเป็นก้อนจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าหากยังมีก้อนอยู่ กดแล้วรู้สึกเจ็บ อาจมีสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อหลังฉีด มักเกิดจากฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดมากพอ ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดปลอดเชื้อ
ฉีดโบท็อกแล้วดื้อโบ
อาการดื้อโบท็อก ฉีดแล้วไม่เห็นผล ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เช่น ฉีดลดริ้วรอยแต่ริ้วรอยไม่หายไป หรือฉีดลดกรามแต่กรามไม่ยุบ สาเหตุเกิดจาก ฉีดโบปลอม โบหิ้ว ตัวยาไม่ได้มาตรฐานหรือเสื่อมคุณภาพ มีการปนเปื้อน กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี (Antibody) ทำให้ฉีดโบท็อกแล้วเห็นผลน้อยหรือไม่เห็นผล
ในเคสที่ ฉีดโบท็อกถี่เกินไป ฉีดโบท็อกมากเกินไป ก็มีโอกาสดื้อโบได้ครับ เพราะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฉีดโบท็อกครั้งต่อ ๆ ไปไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
หมอแนะนำให้ฉีดโบท็อกเว้นจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นนานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ ทำให้ต้องใช้ปริมาณโบท็อกเยอะขึ้น และควรฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 300 ยูนิต/ครั้ง
สรุป
การฉีดโบท็อก สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลาย ทั้งการลดริ้วรอย ลดกราม ปรับหน้าเรียว การฉีดโบท็อกที่ถูกวิธีโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ นอกจากจะไม่ทำให้หน้าดูแข็งเกร็งผิดธรรมชาติ คนไข้ยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ