ข้อห้ามและข้อฏิบัติ ก่อน-หลังฉีดโบท็อก
เพื่อให้การฉีดโบท็อกได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด นอกจากการเลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือแล้ว การเตรียมตัวก่อนฉีดโบและการดูแลหลังฉีดโบท็อก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น เห็นผลชัดเจนขึ้น
ในบทความนี้ หมอมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติ ทั้งก่อน-หลังฉีดโบท็อกมาแนะนำครับ ถ้าคนไข้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยรักษาโบท็อกให้อยู่ได้นานขึ้นครับ
ก่อนฉีดโบท็อก ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกบนใบหน้า เช่น ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว โบท็อกใต้ตา หรือโบท็อกเฉพาะจุด เช่น โบท็อกรักแร้ โบท็อกน่อง ต้องเริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูล การเลือกคลินิกและเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก่อนฉีดโบท็อกเตรียมตัวอย่างไร ? ต้องรู้อะไรบ้าง หมอมีข้อแนะนำในข้อต่อไปนี้ครับ
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก ควรหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ดูว่าการฉีดโบท็อกช่วยเรื่องอะไรบ้าง เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือไม่ หากคนไข้ต้องการฉีดโบท็อกลดกราม จะช่วยได้เฉพาะคนที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อเท่านั้นครับ จะไม่ได้ผลกับคนที่กรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูก
กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะช่วยยั้บยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทและทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหยุดทำงานชั่วคราว จะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและรอยพับบริเวณต่าง ๆ ได้ดีครับ ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล ? ถ้าเป็นโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลใน 3-7 วัน เห็นผลเต็มที่ใน 14 วัน ส่วนโบท็อกปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลใน 1 เดือน เห็นผลเต็มที่ 2-3 เดือนครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อก อันตรายไหม มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ?
2. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์
ก่อนฉีดโบท็อก ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ว่าผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และเข้าไปปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรงครับ แพทย์จะช่วยประเมินใบหน้า และแนะนำโบท็อกที่เหมาะกับแต่ละเคสได้
การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยประเมินกล้ามเนื้อที่จะฉีด ว่าจุดไหน ความลึกเท่าไรคือจุดที่เซลล์เส้นประสาทมาเกาะกล้ามเนื้อ ถ้าฉีดไม่ตรงจุด ก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่เห็นผลช้าและอยู่ได้สั้นลงครับ เพราะต้องรอโบท็อกแพร่กระจายจากจุดที่ฉีดมายังปลายเซลล์ประสาท
อ่านบทความเพิ่มเติม : โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด Botox อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน แตกต่างกันอย่างไร ?
3. เลือกฉีดโบท็อกแท้เท่านั้น
ปัญหาการดื้อโบท็อกมาจากการที่คนไข้ฉีดโบท็อกปลอมครับ เมื่อกลับมาฉีดโบท็อกแท้แล้วจะไม่เห็นผล ดังนั้น ควรศึกษาวิธีดูโบท็อกแท้ เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบกล่องและขวดได้เองในเบื้องต้นก่อนฉีดโบท็อกครับ
สำหรับยี่ห้อโบท็อกที่คลินิกเสริมความงามชั้นนำเลือกใช้ หลัก ๆ จะเป็นโบท็อกอเมริกา โบท็อกอังกฤษ โบท็อกเยอรมัน และโบท็อกเกาหลี ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะ เหมาะกับการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน หมอจะประเมินปัญหาและความต้องการของแต่ละเคส เพื่อแนะนำยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เหมาะสม และตรงกับงบประมาณ
บทความแนะนำ
โปรโมชั่น ฉีดโบท็อกซ์ราคาพิเศษวิธีดูโบท็อกแท้ยี่ห้อต่าง ๆ
การผสมน้ำเกลือ
ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ถ้าผสมเป็นน้ำมาแล้ว เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจือจางหรือเข้มข้นครับ และการฉีดโบท็อกแต่ละครั้ง ไม่ควรฉีดเกิน 300 ยูนิต จะเพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้นและจะเกิดการดื้อโบท็อกได้ครับ
ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อก
เมื่อฉีดโบท็อกแล้ว การดูแลตัวเอง ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยรักษาผลลัพธ์ของโบท็อกให้อยู่ได้นานขึ้นครับ หมอได้รวบรวมข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่สำคัญไว้ ดังนี้
1. หลังฉีดโบท็อกทันที ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ ทันที 1-2 ครั้ง
หลังฉีดโบท็อกเสร็จแล้ว ควรรีบขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที และบริหารกล้ามเนื้อเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปมากที่สุดครับ ถ้าฉีดโบท็อกลดกราม หมอจะแนะนำให้คนไข้ใช้วิธีเคี้ยวหมากฝรั่งหรือกัดฟันไว้หลังฉีดครับ
2. การกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวขึ้น
มีงานวิจัย ระบุว่า การกิน Zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวและดีขึ้น และช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ในบางเคสก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงของโบท็อกได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะเสริมฤทธิ์รุนแรงเกินไป
ดังนั้น การกิน Zinc ปริมาณมาก ๆ แนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นครับ ส่วนมากจะใช้ในเคสที่มีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสีชัดเจน หรือเคสที่เริ่มดื้อโบท็อก
ส่วนคนที่สังเกตตัวเองว่ามีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผมร่วงแตกปลาย เป็นแผลเรื้อรัง ผิวแห้งลอก เป็นผื่นง่าย เล็บแห้งเปราะหักง่าย แนะนำให้กินก่อนหรือหลังฉีดโบท็อกได้ จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น
สำหรับในคนทั่วไป หากกินจากอาหารหรือกินในปริมาณปกติที่ควรได้รับประจำวัน ตามที่ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) กำหนด คือ ไม่เกิน 15mg/วัน
3. ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม
หลังฉีดโบไปแล้วสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ ครับ หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น แต่ควรเว้นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่จนเกินไป ควรเว้นระยะห่าง 3 เดือน เป็นอย่างต่ำครับ เพราะการฉีดโบท็อกในปริมาณมาก หรือฉีดถี่เกินไป ร่างกายกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อต้านโบท็อก หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อโบท็อก ทำให้การฉีดครั้งต่อ ๆ ไปไม่ได้ผล
“ ข้อควรรู้ : การฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งต่อปี จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ผลลัพธ์การฉีดโบท็อกครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพ และอยู่ได้นานขึ้น”
4. ควรงดทานอาหารเสริม ประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา
ควงงดทานวิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบชนิด NSAIDs เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพรอกเซน (Naproxen) ซึ่งมีผลลดการแข็งตัวของเลือด
หรือสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายร้อน ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เช่น โสม สารสกัดจากใบแปะก๊วย (กิงโกะ) ขิง กระเทียม ก่อนการฉีดโบท็อก 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเขียวช้ำหลังฉีด
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
1. หลังฉีดโบท็อก ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง
งดก้มหน้าลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการมากขึ้น
2. หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
หลังฉีดโบท็อก ควรห้ามหรืองดกิจกรรม เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด ดื่มแอลกอฮอล์ และงดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด ในช่วง 2 อาทิตย์หลังฉีดครับ
3. อาหารที่ห้ามกิน หลังฉีดโบท็อก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก รวมถึงงดสูบบุหรี่
- งดหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- งดอาหารที่เผ็ดมาก ๆ แสบร้อนจนหน้าแดง เช่น เมนูยำต่าง ๆ
- งดอาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ปลาร้า
- งดอาหารดิบ สุก ๆ ดิบ ๆ เช่น อาหารทะเล เนื้อที่ปรุงไม่สุก หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
- งดอาหารรสหวาน เช่น ชานม น้ำหวาน นมวัว
หลังจากฉีดโบท็อกไปแล้ว 2 สัปดาห์ กิจกรรมเหล่านี้จะไม่ได้ส่งผลกับการออกฤทธิ์ของโบท็อกมากแล้วครับ ให้ระวังเรื่องการเข้าซาวน่า การเลเซอร์ร้อน ส่วนอื่น ๆ สามารถทำได้ตามปกติครับ
สรุปการปฏิบัติตัวระหว่างการฉีดโบท็อกทุกขั้นตอน
สำหรับคนที่จะฉีดโบท็อก ต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนฉีดโบครับ เพราะจะส่งผลดีต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และที่สำคัญคือมีความปลอดภัย รวมไปถึงระหว่างฉีดโบท็อก และหลังฉีดโบท็อก ซึ่งหมอก็มีคำแนะนำ โดยสรุปเป็น Timeline มาให้เพื่อความเข้าใจง่าย ดังนี้
ก่อนฉีดโบ
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกแท้ หมอเคยเขียนอธิบายไว้ในบทความ วิธีดูโบท็อกแท้แต่ละชนิด ตรวจสอบอย่างไร ? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
- ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า
- หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรทำก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดโบท็อก ต้องงด 2 อาทิตย์
- งดยาในกลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพรอกเซน (Naproxen), แอสไพริน (Aspirin)
- งดสครับหน้า 2-3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเขียวช้ำ
- หากมีข้อห้ามในการฉีดโบท็อกให้ปรึกษาแพทย์
- หากมีอาการขาดธาตุสังกะสี ควรเริ่มกินอาหารที่มีธาตุสังกะสี หรือกินอาหารเสริม แต่ไม่ควรกินเกิน 20 mg/วัน ซึ่งจะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น (ไม่จำเป็นต้องกินก่อนฉีด สามารถกินหลังฉีดได้ สามารถช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นเช่นกัน)
ระหว่างฉีดโบ
- หลังฉีดโบท็อก ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
- หลังฉีดโบท็อกลดริ้วรอยทั่วหน้า หรือโบท็อกลดกรามปรับหน้าเรียว ควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีด เช่น ยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ยิ้มเยอะ ๆ เคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นเวลา 30 นาทีหลังฉีด
ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก ห้ามทําอะไรบ้าง
หลังฉีดโบ 3 ชม.
- ห้ามประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท
- ห้ามนอนราบ และงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ
หลังฉีดโบ 24 ชม.
- ทาครีมทับบริเวณเข็มได้ และแต่งหน้าทับได้ตามปกติ
หลังฉีดโบ 48 ชม.
- หากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่ห้ามกินและความร้อน ตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกได้ จะได้รับผลโบท็อก 90% จากปกติ
หลังฉีดโบ 2-3 วัน
- บางคนอาจมีผลข้างเคียงชนิดไม่อันตรายเช่น ปวดหัว ตาพร่า คอแห้ง ซึ่งผลข้างเคียงนี้เป็นแค่ชั่วคราว หายได้เองใน 7-14 วัน อาการปวดหัวสามารถประคบเย็นได้ หากมีอาการมาก สามารถปรึกษาแพทย์
- บางคนจะเริ่มเห็นผลจากการฉีดลดริ้วรอยบางส่วน
หลังฉีดโบ 7-10 วัน
- หน้าบวมได้เล็กน้อย รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่ และจะค่อย ๆ จางลงเองใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
หลังฉีดโบ 14 วัน
- หากหลีกเลี่ยงอาหารที่ห้ามกินและความร้อนได้ครบ 14 วัน จะได้รับผลโบท็อก 100% จากปกติ
- เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยเกือบเต็มที่
- เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดกราม กัดกรามจะไม่เด้ง แต่กรามจะยังไม่ยุบลง ต้องใช้เวลา 2 เดือนจึงจะยุบเต็มที่
หลังฉีดโบ 14 วัน จนถึงการฉีดโบท็อกครั้งต่อไป
- สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ และพยายามหลีกเลี่ยงความร้อน
- พยายามกินอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี
- พยายามเปลี่ยนนิสัยในการขยับกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดโบท็อกให้น้อยลง
- ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม เพื่อคงผลลัพธ์ ไม่ฉีดถี่เกินไป (อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน) และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน)
ข้อห้ามการฉีดโบท็อกซ์ที่อันตรายถึงชีวิต
จากข้อมูลของ MEDICATION GUIDE BOTOX และรายการยาที่ยาที่มีปฏิกิริยากับโบท็อก สรุปได้ ดังนี้
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก แบบที่ไม่สามารถฉีดได้ (Absolute contraindication) อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- คนที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
- คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดต่าง ๆ เช่น
- มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก ที่ควรระวัง สามารถฉีดได้แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
- มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก ซึ่งประกอบไปด้วย Botulinum Toxin Type A, Human Albumin, Sodium Chloride
- คนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่มีการศึกษาที่รับรองความปลอดภัยของการฉีดโบท็อก
- คนที่อายุ 12-18 ปี มีการศึกษารับรองความปลอดภัยในบางกรณีเท่านั้น (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
ข้อมูลอื่น ๆ ที่คนไข้ควรแจ้งแพทย์
- เคยมีผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกครั้งก่อน ๆ
- มีภาวะเลือดหยุดยาก เขียวช้ำง่าย
- มีกำหนดการที่จะผ่าตัด
- เคยผ่าตัดที่ใบหน้ามาก่อน
- มีภาวะหนังตาตก
- หัตถการต่าง ๆ ที่เคยทำบนใบหน้ามาก่อน เช่น โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโส เลเซอร์ต่าง ๆ
- กำลังตั้งครรภ์ ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าโบท็อกเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่
- ให้นมบุตร ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าโบท็อก สามารถผ่านไปทางน้ำนมได้หรือไม่
- ยารักษาโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ
หากป่วยหรือมีอาการดังกล่าว ควรแจ้งแพทย์ถึงยาที่คนไข้ใช้อยู่ปัจจุบัน เนื่องจากมียาบางชนิดที่หากได้รับพร้อมกับโบท็อก
กลุ่มยาที่สามารถเสริมฤทธิ์โบท็อกแล้วเกิดอันตรายมาก (Major Side Effects)
- ยาฆ่าเชื้อแบบฉีด เช่น Amikacin, Colistin, Polymyxin E, Gentamicin, Kanamycin, Neomycin, Netilmicin, Plazomicin, Polymyxin B, Spectinomycin, Streptomycin, Tobramycin
- ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น Atracurium, Cisatracurium, Doxacurium, Metocurine, Mivacurium, Pancuronium, Pipecuronium, Rapacuronium, Rocuronium, Succinylcholine, Tubocurarine, Vecuronium
สำหรับยาฆ่าเชื้อและยาคลายกล้ามเนื้อที่อยู่นอกรายการข้างต้นนี้สามารถใช้ร่วมกันกับโบท็อกได้โดยไม่อันตราย
กลุ่มยาที่ใช้ร่วมกับโบท็อกแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงแบบปานกลาง ไม่อันตราย อาการที่พบ เช่นตาพร่า ปากแห้ง รอยช้ำ (หากมีอาการรุนแรง สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อปรับชนิดยาที่ใช้ได้) ได้แก่
- กลุ่มยาแก้แพ้ แก้หวัด
- กลุ่มยานอนหลับ
- กลุ่มยาต้านเกล็ดเลือด
หลังฉีดโบท็อกไปแล้ว ในช่วง 4 เดือน ถ้าจะรับยาอื่น ๆ เพิ่ม ต้องแจ้งแพทย์ที่จะจ่ายยาด้วยว่าเพิ่งฉีดโบท็อกมาครับ
คำถามหลังฉีดโบท็อกที่พบบ่อย
Q : หลังฉีดโบท็อก กินอะไรได้บ้าง ?
หลังฉีดโบท็อกรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ให้งดปิ้งย่าง ชาบูที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน อาหารหมักดองที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง และควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นเวลา 2 สัปดาห์ครับ
Q : หลังฉีดโบท็อก กินคอลลาเจนได้ไหม ?
หลังฉีดโบท็อก กินคอลลาเจนหรือวิตามินได้ตามปกติครับ และต้องระวังในการรับประทานวิตามินบางตัวเช่น Zinc (แร่ธาตุสังกะสี) หากรับประทานปริมาณมากจะช่วยเสริมฤทธิ์โบท็อกให้รุนแรงเกินไป
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังฉีดโบกินวิตามินได้ไหม ? ดูแลตัวเองอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นาน ?
Q : หลังฉีดโบท็อก กินเหล้าได้ไหม ?
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว อาจรบกวนการกระจายตัวของโบท็อก เพราะฉะนั้นถ้าถามหมอว่าฉีดโบท็อกกินเหล้าได้ไหม ? หมอแนะนำให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก และทำให้โบท็อกมีระยะเวลาอยู่ได้สั้นลงครับ
สรุป
ก่อน-หลังฉีดโบท็อก ต้องมีการเตรียมตัวครับ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน วิธีดูโบท็อกเท้ ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อก ข้อห้ามต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก สามารถดู Timeline การปฏิบัติตัวระหว่างการฉีดโบท็อกทุกขั้นตอนที่หมอสรุปมาให้ดูกัน รวมทั้งคำถามหลังฉีดโบท็อกที่พบบ่อย หรือถ้าหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามทาางออนไลน์ได้ฟรีครับ
อ้างอิง
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22453589
- http://food.fda.moph.go.th/Rules/dataRules/4-4-2ThaiRDI.pdf
- https://media.allergan.com/actavis/actavis/media/allergan-pdf-documents/product-prescribing/20190620_BTX-and-BTX-C-Med-Guide-v2-0MG1145.pdf
- https://www.drugs.com/drug-interactions/onabotulinumtoxina,botox-index.html
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ