สลายไขมันด้วยความเย็น
ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าทุกวันนี้ คนหันมาดูแลใส่ใจตัวเองกันมากขึ้น รวมถึงการดูแลรูปร่างและสัดส่วนให้ดูสุขภาพดี ดูมีบุคลิกที่ดีขึ้น หลายคนออกกำลังกายและควบคุมอาหารเต็มที่แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ตามต้องการ จึงมองหาวิธีที่จะช่วยลดไขมันอย่างรวดเร็ว การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่กำลังได้รับความสนใจครับ
ในบทความนี้ หมอจะกล่าวถึงวิธีการสลายไขมันด้วยความเย็น คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง เครื่อง CoolSculpting คืออะไร ต่างกับการฉีดเมโสแฟต การดูดไขมันและการสลายไขมันด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างไร รวมถึงการเตรียมตัวก่อน-หลังการสลายไขมันด้วยความเย็นครับ
การสลายไขมันด้วยความเย็น มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
การสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis, Fat-freezing) เป็นวิธีการสลายไขมันแบบ Non-invasive fat reduction กล่าวคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องลงมีด ไม่ต้องใช้เข็ม ด้วยหลักการที่ว่าเซลล์ไขมัน (Adipose cell) จะไวต่อความเย็นมากกว่าน้ำและเนื้อเยื่ออื่น ๆ(ตัวอย่างเช่นเรานำอาหารที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็น ส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัวและแยกชั้นลอยขึ้นมาได้ไว) ทำให้เมื่อใช้ความเย็นจัดในระยะเวลาหนึ่ง จะมีเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้นที่ถูกแช่แข็ง เกิดเซลล์ไขมันตาย (Apoptosis) และถูกกำจัดออกจากร่างกายครับ
CoolSculpting คือ เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น ที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตั้งแต่ปี 1999 และได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างมากมายจนได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2009 เครื่อง CoolSculpting จะมีส่วนของหัวดูด เพื่อดูผิวหนังขึ้นมาและปล่อยความเย็นที่ -11°C เป็นเวลานาน 35 นาทีในแต่ละจุด หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา เซลล์ไขมันตายจะถูกร่างกายกำจัดออกได้เองตามธรรมชาติ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่กำจัดไขมันได้ถาวรครับ
ความแตกต่างของการทำ CoolSculpting และ การฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟต เป็นการฉีดสลายไขมัน โดยใช้ตัวยาที่มีฤทธิ์ช่วยเร่งให้ไขมันแตกตัวและดึงไขมันออกจากเซลล์ ผ่านระบบเมตาบอลิซึมของร่างกาย ไขมันจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานและนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ จากนั้นจึงถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติครับ หลังฉีดแฟตสลายไขมันแก้ม หรือตามจุดอื่น ๆ ที่มีการสะสมของไขมัน จะเกิดการบวมบริเวณที่ฉีด มากหรือน้อยขึ้นกับปริมาตรยาที่ฉีดเข้าไป แต่ก็จะค่อย ๆ ยุบได้เองใน 3-4 ชั่วโมง
จุดที่นิยมฉีดเมโสแฟต ได้แก่
- เมโสแฟตต้นแขน
- เมโสแฟตต้นขา
- เมโสแฟตหน้าท้อง
- เมโสแฟตแก้ม
- เมโสแฟตเหนียง
ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสแฟตจึงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และระบบเผาผลาญของแต่ละคนร่วมด้วยครับ โดยส่วนใหญ่จะลดไขมันได้ประมาณ 10% ต่อการฉีด 1 ครั้ง และกลับมาอ้วนอีกได้หากไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
ส่วน CoolSculpting เป็นการทำให้เซลล์ไขมันตายด้วยความเย็นที่ทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง และเข้าสู่กระบวนการกำจัดไขมันออกจากร่างกายทันที เซลล์ไขมันถูกทำลายอย่างถาวร ไม่มีการเพิ่มจำนวนอีก จึงสามารถหวังผลลัพธ์ของ CoolSculpting ได้มากกว่าการฉีดเมโสแฟต โดยการทำ 1 ครั้ง จะลดเซลล์ไขมันได้ประมาณ 25% ในเวลา 3 เดือน แต่ถ้าหากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด (ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิมครับ
ความแตกต่างของการทำ CoolSculpting และการดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเอาไขมันออกเยอะ ๆ มี BMI มากกว่า 35 เป็นวิธีที่เห็นผลรวดเร็ว และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับปริมาณไขมันที่ลดลง แต่หลังทำจะมีอาการบวมช้ำเยอะ ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานถึง 1 เดือนครับ โดยผู้ที่มีไขมันสะสมเยอะอาจทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล เห็นการเปลี่ยนแปลงน้อย หรือต้องทำหลายครั้ง เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไปครับ
ในกระบวนการดูดไขมันต้องใช้การสอดท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 3 mm และต้องฉีดยาชาปริมาณมากในบริเวณที่ดูดไขมัน จึงจำเป็นต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ที่ชำนาญเท่านั้น (การวางยาสลบไม่เป็นที่นิยมเพราะมีความเสี่ยงสูงกว่าการฉีดยาชา) และอาจพบปัญหาผิวไม่เรียบในบริเวณที่ดูดไขมันได้ ซึ่งเกิดจากความบอบช้ำของเนื้อเยื่อจากการสอดท่อดูดไขมัน หรืออาจจะเกิดจากแนวในการสอดท่อดูดไขมันที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งผิวไม่เรียบนี้หากเกิดขึ้นมักจะคงอยู่ถาวรไม่สามารถแก้ไขให้หาย 100% ได้ครับ
ในผู้ที่มีไขมันไม่มาก BMI น้อยกว่า 35 และผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ หมอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน และเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียในระยะยาวดีกว่าครับ
อ่านเพิ่มเติม :Coolsculpting ไม่ได้ผล เกิดจากอะไร ? กำจัดไขมันอย่างไรให้เห็นผล
ใครที่ไม่เหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปริมาณไขมันมาก (ฺBMI มากกว่า 35) เพราะการทำ CoolSculpting จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนการดูดไขมัน ต้องรอเวลา ให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลหลังทำทันที เพราะ CoolSculpting ต้องรอให้ไขมันค่อยๆถูกกำจัดออก ใช้เวลา 1-3 เดือน
ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยความเย็น
- เมื่อสนใจที่จะทำ CoolSculpting ควรเข้ารับการตรวจประเมินจากแพทย์และ Specialist เพื่อประเมินปริมาณไขมันในจุดที่ต้องการทำ ประเมินจำนวนหนีบ (Applicator) ค่าใช้จ่าย รวมถึงปรึกษา-ซักถามข้อมูลที่สงสัยก่อนครับ
- เมื่อตัดสินใจทำ Specialist จะเลือกใช้ Applicator ให้เหมาะสมกับจุดที่ต้องการทำ เลือกหัวที่มีจุดเว้า จุดโค้งตามสรีระของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- เริ่มวางหัว Applicator และให้เครื่องทำงาน โดยในแต่ละหนีบ จะใช้เวลาประมาณ 35 นาที โดยในช่วง 10 นาทีแรก จะรู้สึกเย็นในผิวหนัง และรู้สึกชาตามมา ไม่เจ็บ ไม่ปวดขณะทำครับ
- เมื่อครบเวลา Specialist จะทำการนวดจุดที่ทำ เพื่อให้ไขมันแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้เวลาการนวดประมาณ 2 นาที คนไข้จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยครับ
- หลังทำเสร็จ สามารถกลับบ้านได้ และแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
สลายไขมันด้วยความเย็นกี่วันเห็นผล
การสลายไขมันด้วยความเย็น จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลงในช่วง 3-4 สัปดาห์ เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน ในการทำ 1 ครั้ง ไขมันจะลดได้ประมาณ 25% หรือ 60-70 cc ต่อ 1 หนีบ หากต้องการให้ลดลงอีก สามารถทำซ้ำในจุดเดิมเมื่อเว้นช่วง 1 เดือนครับ
ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำ คนไข้จะรู้สึกระบบผิวและมีอาการบวมได้ หรือเมื่อยล้าคล้ายกับหลังการออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องใช้เวลาเพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง หลังจาก 2 สัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติครับ
สลายไขมันด้วยความเย็นราคาเท่าไหร่
ราคาโปรโมชั่น CoolSculpting ที่ V square clinic
พิเศษ สำหรับผู้ติดตาม Line@ และมีสติ๊กเกอร์ “น้อง ดักกี้ V Square” รับของแถมเพิ่มฟรี
1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ
ของแถมมูลค่า 2,000 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้
- วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
- มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
- เมโสแฟต Phytobella 6 CC
- โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
- Hifu Ultraformer lll 50 Line
ซึ่งในแต่ละจุดที่ต้องการลดสัดส่วน จะมีพื้นที่และปริมาณไขมันสะสมที่แตกต่างกัน จำนวนหนีบที่ใช้โดยทั่วไปในแต่ละตำแหน่ง มีดังนี้
- ต้นแขน ข้างละ 1 หนีบ
- ต้นขา ข้างละ 1หนีบ
- หน้าท้อง 2 – 4 หนีบ
- เอวด้านข้าง ข้างละ 1หนีบ
- สะโพก ข้างละ 1หนีบ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ