เสริมจมูกแบบปิด

เสริมจมูกแบบปิด

ปัจจุบันการเสริมจมูก เป็นการทำศัลยกรรมที่ติด 1 ใน 3 ที่ได้รับความนิยม เพราะใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ รวมถึงมีหลายเทคนิคให้เลือกตามความเหมาะสมและความต้องการของคนไข้ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกหลัก ๆ อยู่ 2 วิธี คือ เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)และเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

วิธีเสริมจมูกทั้ง 2 เทคนิคนี้ต่างกันอย่างไร? เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร? ข้อดี – ข้อเสียที่ควรรู้ หมอได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้แล้วในบทความนี้ครับ

เสริมจมูกแบบปิด คืออะไร ?

การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (Closed rhinoplasty, Endonasal rhinoplasty) คือ การผ่าตัดเสริมจมูกโดยที่แผลทั้งหมดอยู่ด้านในของรูจมูก ไม่มีแผลที่จะมองเห็นจากภายนอกได้ เป็นการเสริมจมูกที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้ไม่เห็นรอยแผลด้านนอกที่หลาย ๆ คนกังวล

เทคนิกการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด

การเสริมจมูกแบบปิด จะเป็นการเปิดแผลจากด้านใน โดยแพทย์จะทำการสอดซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาเป็นทรงตามที่คนไข้ต้องการและมีความเหมาะสม หรือเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนของตัวคนไข้เอง เช่น กระดูกอ่อนจากหลังหู หรือกระดูกอ่อนจากซี่โครงเข้าไปทางรูจมูก ซึ่งจะเป็นการเสริมตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก ไม่แนะนำให้ใส่ซิลิโคนที่ยาวเกินไป เพราะเสี่ยงในการทะลุได้ ถือเป็นการผ่าตัดแผลเล็กที่ใช้เวลาในการทำไม่นาน เฉลี่ย 1-2 ชม. เท่านั้น

เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร ?

การเสริมจมูกแบบปิด จะเหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความสูงให้กับจมูกเล็กน้อย และไม่มีปัญหาอื่น ๆ วิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ไม่มีความผิดปกติอื่น นอกจากดั้งจมูกแบนเพียงอย่างเดียว โดยที่มีรูปทรงจมูกเดิมเป็นทรงที่ดีอยู่แล้ว รวมถึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นแผลผ่าตัดจากภายนอก และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน

ทั้งนี้ที่ Masterpiece Hospital เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหา ว่าเหมาะสมกับการเสริมจมูกแบบ พร้อมให้คำแนะนำและช่วยออกแบบทรงจมูกเคสต่อเคสด้วยความใส่ใจ

ข้อดี-ข้อเสียเสริมจมูกแบบปิด

ข้อดี

  • ราคาถูกกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด
  • ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นด้านนอก
  • การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก บวมช้ำน้อย พักฟื้นสั้น 
  • เป็นการผ่าตัดด้านในรูจมูก ไม่ซับซ้อนมาก ใช้เวลาไม่นาน
  • ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ 

ข้อเสีย

  • ไม่เห็นปัญหาภายในโครงสร้างจมูกได้อย่างชัดเจน 
  • มีโอกาสที่จมูกจะเบี้ยวหรือเอียงในระหว่างผ่าตัดมากกว่าแบบเปิด
  • ไม่สามารถทำให้โด่งหรือปลายเชิดได้มาก
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้นมาก ๆ 
  • ในระยะยาวอาจเกิดปัญหาจมูกทะลุ เนื่องจากเนื้อจมูกบางลงหรือทรงจมูกเบี้ยวคดในอนาคตได้
เสริมจมูกแบบปิดVSเสริมจมูกแบบเปิด

เสริมจมูกแบบปิดกับ เสริมจมูกแบบโอเพ่น ต่างกันอย่างไร ?

การเสริมจมูกแบบปิด การเสริมจมูกแบบเปิด(โอเพ่น)
  • แพทย์จะผ่าตัดจากด้านในรูจมูก ไม่ต้องเปิดแผลด้านนอก
  • แพทย์จะเปิดเเผลบริเวณใต้จมูก ตรงพื้นที่ระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างแล้วเข้าไปจัดการกับรูปทรงของจมูก
  • คนไข้ต้องมีต้นทุนทรงจมูกดีอยู่แล้ว ต้องการแค่ความโด่ง แก้ปัญหาจมูกแบนเท่านั้น
  • แก้ปัญหาทรงจมูกได้หลากหลาย เช่น จมูกเอียง, จมูกคด, ลดฮัมพ์ หรือต้องการให้ดั้งจมูกโด่งปลายพุ่ง ปลายหยดน้ำ ฯลฯ
  • ไม่สามารถตกแต่งอย่างละเอียดได้ เนื่องจาก แพทย์ไม่สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้
  • แพทย์สามารถเข้าไปจัดการกับรูปทรงของจมูก ให้ใหม่ได้ทั้งหมด สามารถทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูกลมกลืน ได้อัตราส่วนของรูจมูก สันจมูก ปลายจมูกที่ลงตัว
  • ไม่มีรอยแผลที่มองเห็นจากด้านนอก
  • มีแผลข้างนอก แต่แผลที่เกิดจากการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดเป็นแผลมีขนาดเล็กมาก และตำแหน่งของแผลจะซ่อนอยู่ในบริเวณที่มองไม่เห็น เมื่อแผลหายจะมองไม่เห็น
  • ไม่สามารถปรับทรงจมูกให้โด่งมาก ๆ ได้ เพราะเสี่ยงเกิด โอกาสการทะลุจากการเสริมด้วยซิลิโคนในอนาคต
  • ปรับความโด่งของจมูกได้มากกว่าเสริมจมูกแบบปิด เพราะสามารถแก้ปัญหาฐานจมูกที่เอียงเบี้ยว ให้ดีขึ้น ยืดจมูกให้ยาวขึ้น ปรับองศาปลายจมูกได้ ลดโอกาสทะลุในอนาคต
  • ระยะเวลาในการผ่าตัดสั้น 1-2 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาผ่าตัดเฉลี่ย 3-5 ชั่วโมง
  • ราคาค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
  • ราคาค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อน มีการดมยาสลบ และแพทย์สามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่า

สำหรับที่ Masterpiece Hospital สามารถให้การดูแลเสริมจมูกทั้งการเสริมจมูกแบบปิดกับ เสริมจมูกแบบเปิด(โอเพ่น) และมีเทคนิคการเสริมจมูกหลายแบบ เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม ซิลิโคนอเมริกา เสริมซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหู เติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก เหลากระดูกฮัมพ์ และการปรับโครงสร้างจมูก เพื่อให้เหมาะกับการเสริมจมูกของคนไข้แต่ละคนครับ

การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิด

  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด 
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 7-14 วันก่อนผ่าตัด เช่น แอสไพริน, หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น Voltaren, Brufen หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • ในวันผ่าตัดให้คนไข้งดการทาเล็บตามเล็บมือและเท้า (หากคนไข้มีการแต่งหน้ามาก่อนเข้ารับการผ่าตัด ก็จะต้องล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางให้เรียบร้อยก่อนเข้าผ่าตัดครับ) 
  • เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป

ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบปิด

  • ก่อนผ่าตัดคุณหมอจะมีการซักประวัติคนไข้อย่างละเอียดก่อนเริ่มทำการผ่าตัด (เช่น โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา) 
  • หมอจะทำการตรวจสอบโครงสร้างใบหน้าและจมูก เพื่อการประเมินการผ่าตัดที่แม่นยำ ให้จมูกที่ออกมาเข้ากับใบหน้ามากที่สุดครับ
  • จากนั้นหมอจะกำหนดตำแหน่งเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเสริมจมูกแบบปิด 
  • หมอทำการออกแบบซิลิโคนหรือวัสดุที่นำมาใช้เสริมจมูกให้ได้ขนาดที่พอเหมาะและสวยงามเข้ารับกับใบหน้า
  • ทำการฉีดยาชาบริเวณจมูก ก่อนเริ่มทำการเสริมจมูก 
  • หมอจะตรวจสอบความพร้อมร่างกายของคนไข้ รอจนยาออกฤทธิ์แล้วทำการผ่าตัด
  • เริ่มทำการผ่าตัด ตำแหน่งของการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดจะอยู่ในรูจมูกของคนไข้ โดยทำการเลาะแผลผ่าตัดเพื่อให้มีขนาดรองรับกับขนาดของซิลิโคน ก่อนใส่ซิลิโคนเข้าไปครับ 

ทั้งนี้ในการการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดเป็นวิธีนี้ไม่ต้องดมยาสลบ จึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด โดยแพทย์จะนัดให้กลับเข้ามานัดตรวจผลอีกครั้งเมื่อครบกำหนด 1 สัปดาห์ และ 1 เดือนเพื่อติดตามผลหลังผ่าตัด

การดูแลหลังเสริมจมูกแบบปิด

  • ในช่วง 7 วันแรกควรประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็ง ตามคำแนะนำของแพทย์
  • หลังทำจมูก 24 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดบริเวณจมูก บวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งให้หมด
  • ควรนอนหนุนหมอนให้สูงขึ้น เสริมด้วยหมอนที่ใช้รองคอให้สูงขึ้น อย่างน้อย 2 วันเพื่อลดอาการบวม
  • ดูแลแผลในโพรงจมูกด้วยไม้พันสำลีเช็ดน้ำเกลือ อย่าใช้แอลกอฮอล์ เบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อโรคที่แสบรุนแรง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการแพ้และอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด อาหารที่มีรสเผ็ด อาหารรสเค็ม อาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่น ควัน ประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
  • ในช่วงเวลาหลังผ่าตัดภายในเวลา 1 เดือน ห้ามให้เกิดการกระแทกที่บริเวณจมูก  เช่น  การชน จับบิด รวมถึงหลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการกระแทก เช่น บอล บาสเก็ตบอล เป็นต้น 
  • หลังจากเสริมจมูก 1 เดือน โดยที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน จมูกจะเข้าที่แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ

ข้อควรระวังหลังผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด

ทุกการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยงหรือสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดได้ครับ ตัวอย่างเช่น  

  • เลือดออกในจมูก บางรายอาจมีเลือดกำเดาออกเล็กน้อยหลังการผ่าตัดช่วงแรก ๆ หรือบางรายมีเลือดออกปริมาณมาก ซึ่งเลือดนั้นมากนั้นอาจเกิดจากแรงดันที่จมูก เช่น การจาม โดยควรจามแบบเปิดปาก และห้ามสั่งน้ำมูก
  • การติดเชื้อ แม้การดูแลรักษาหลังผ่าตัดที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่การติดเชื้อก็ยังคงเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้บ่อยในการผ่าตัดเสริมจมูก
  • หายใจทางจมูกได้ลำบาก เนื่องจากลักษณะของรูจมูกเปลี่ยนไป และจะต้องหายใจทางปากแทนในช่วงเวลาหนึ่ง

สรุป

การเสริมจมูกแบบปิด เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกให้โด่ง สวยงาม แต่ทั้งนี้ใช่ว่าคนไข้จะสามารถเลือกวิธีการนี้ได้ทุกคนครับ เพราะเป้าหมายการเสริมจมูกของแต่ละบุคคลต่างกัน บางเคสมีปัญหามากน้อยต่างกัน

ดังนั้นหมอแนะนำว่าให้เข้าปรึกษาแพทย์ แจ้งความต้องการของตัวคนไข้เอง เพื่อให้แพทย์แนะนำแนวทางการผ่าตัดที่เหมาะสมในแต่ละเคส และวางแผนการแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้ได้ทรงจมูกที่สวยงาม ตรงความต้องการ ภายใต้ความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมจมูกหรือศัลยกรรม สามารถปรึกษาทีมแพทย์ Masterpiece Hospital ทาง facebook หรือ Line ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า