coolsculpting คืออะไร? ได้ผลจริงไหม? เนื่องจาก coolsculpting เป็นนวัตกรรมกำจัดไขมันแบบใหม่ ที่แตกต่างจากการกำจัดไขมันแบบเดิม ๆ โดยจุดเด่นคือการใช้ความเย็นระดับจุดเยือกแข็งมากำจัดไขมัน การทำ coolsculpting มีขั้นตอนอย่างไร ได้ผลแค่ไหน หมอมีรายละเอียดให้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ coolsculpting
coolsculpting คืออะไร?
coolsculpting คือ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น ที่คิดค้นและพัฒนาโดย นายแพทย์ Dieter Manstein และ นายแพทย์ R.Rox Anderson จากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา โดยเครื่อง coolsculpting จะทำงานโดยส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็งลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน ทำให้ไขมันตายและถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้รูปร่างกระชับ ได้สัดส่วนมากขึ้น
ส่วนเซลล์ไขมันที่เหลือจะเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้รูปร่างดูสมส่วนยิ่งขึ้น โดยกระบวนการสลายไขมันด้วย coolsculpting ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีด ไม่ทำให้เกิดรอยแผล และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ
ไขมัน คืออะไร ส่งผลเสียอย่างไร?
ไขมันเป็นส่วนที่ให้พลังงานกับร่างกาย และช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด รวมถึงเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน เอนไซม์ แต่ข้อเสียของไขมันก็มีเช่นกันครับ โดยไขมันที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมี 2 อย่าง ได้แก่
- 1. ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat.)
เป็นไขมันจากสัตว์ ไขมันสัตว์ นม เนย ชีส และไขมันจากพืชบางชนิด เช่น กะทิ น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันปาล์ม หากบริโภคไขมันอิ่มตัวเป็นปริมาณมาก ไขมันจะสะสมในร่างกาย ทำให้ไขมันเลว LDL cholesterol ในเลือดสูงขึ้น และเกิดโรคอื่น ๆ ตามมา
- 2. ไขมันทรานส์ (Trans fat.)
ไขมันทรานส์เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำมัน โดยการนำเอาไขมันไม่อิ่มตัวไปเติมไฮโดรเจนบางส่วนในระบบอุตสาหกรรม และเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเป็นของแข็งเพื่อช่วยลดต้นทุน แต่ผลเสียที่ตามมาหากบริโภคไขมันทรานส์ คือ โรคหลอดเลือด ส่งผลต่อความจำ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอัลไซเมอร์ และทำให้แก่ก่อนวัยอันควรครับ
ทำไมต้องใช้ความเย็นในการกำจัดไขมัน?
จากงานวิจัยจะพบกว่าเซลล์ไขมัน มีความพิเศษคือไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ ครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรานำอาหารที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็น ส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัว และแยกออกมาเป็นชั้นได้ไวมาก และเมื่อไขมันได้รับความเย็นมาก ๆ ในระดับติดลบ เซลล์ไขมันจะตายลง โดยไม่มีผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ การใช้ความเย็นในการกำจัดไขมันจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าในการกำจัดไขมัน
การที่พยายามลดไขมันด้วยวิธีควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย จะส่งผลให้เซลล์ไขมันมีขนาดลดลงเท่านั้น แต่ไม่ได้จำกัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายครับ ถ้าขาดวินัยในการดูแลตัวเอง เซลล์ไขมันเหล่านั้นก็จะขยายตัว ทำให้มีรูปร่างอ้วนขึ้น แต่การใช้ความเย็นจะเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันได้อย่างถาวร
coolsculpting สลายไขมันตำแหน่งไหนได้บ้าง?
การทำ Coolsculpting สามารถใช้สลายไขมันส่วนเกินได้หลายจุด เช่น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา เหนียง น่อง ล้วนแต่เป็นจุดที่มีการสะสมของไขมัน และทำให้รูปร่างไม่กระชับ ไม่ได้สัดส่วนครับ
CoolSculpting ใช้หัวแบบไหน แต่ละขนาดเหมาะกับบริเวณใด?
เครื่อง CoolSculpting มีหัวสำหรับใช้กำจัดไขมันหลายขนาด รูปทรงจะเหมาะกับบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน
- หัว Cooladvantage มีขนาดกว้าง 6 cm. ยาว 16 cm. พื้นที่ประมาณ 18 ตารางนิ้ว เป็นตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประมาณ 60-70% ของเคสทั้งหมด เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ 7 จุด ได้แก่ ท้อง, เอว, แขน, หน้าอก(ผู้ชาย), ปีกหลัง, ขาด้านใน และใต้ก้น
- หัว CoolAdvantage Petite เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันไม่หนามาก คนตัวเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage ได้แก่ ท้อง, เอว, แขน, หน้าอก(ผู้ชาย), ปีกหลัง, ขาด้านใน และใต้ก้น
- หัว Cool Advantage Plus เป็นหัวขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันเยอะ ช่วยลดไขมันบริเวณกว้าง ได้แก่ เอว ท้อง
- หัว Cool Mini เป็นหัวขนาดเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณเหนียง นมน้อย (เนื้อใต้รักแร้) เหนือหน้าอก(ผู้หญิง) เนื้อย้วยเหนือเข่าในบางรายที่ลดด้วยการออกกำลังกายไม่ได้ผล
- หัว Cool Smooth Pro มีขนาดกว้าง 14 cm. ยาว 18 cm. พื้นที่ประมาณ 38 ตารางนิ้ว ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก หน้าท้อง และบริเวณใต้สะโพกลงมา (บางคลินิกใช้ทำ sixpack)
ในการเลือกใช้เครื่องมือ หมอและนักกายภาพจะประเมินส่วนที่ต้องการกำจัดไขมัน และเลือกหัวให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ที่จะทำครับ เช่น ต้นขาด้านนอกมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จึงต้องใช้หัวที่ใหญ่ แนบไปกับผิวต้นขาเพื่อให้บาลานซ์พื้นที่ ต่อเนื่องกับบริเวณต้นขาด้านหน้าและหลังด้วย ผิวจะเรียบสม่ำเสมอกันครับ
วิธีการทำงานของ coolsculpting สลายไขมันได้อย่างไร?
เครื่อง coolsculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยวิธีคือการใช้หัวดูดผิว ดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง เหมือนการหยิกไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาขึ้นมา จากนั้นในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาที
ซึ่งความเย็นจากเครื่อง CoolSculpting จะเจาะจงเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้น เมื่อเซลล์ไขมันได้รับความเย็นจัด จะหยุดทำงานและตายลงไปอย่างถาวร
coolsculpting ได้ผลไหม?
ในการทำ CoolSculpting มีงานวิจัยทางการแพทย์ประมาณ 50 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาของเครื่องว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำให้ตายลงแบบถาวร โดยสามารถลดเซลล์ไขมันลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
อ่านบทความเพิ่มเติม : ทำไมถึงทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล มีสาเหตุจากอะไร ? Coolsculpting ดีไหม ?
ทำ CoolSculpting กี่วันเห็นผล?
หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและค้างอยู่ ก่อนที่ร่างกายจะกำจัดออกไป และใน 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้น โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับ
ที่ V Square Clinic มีเทคนิคพิเศษในการนวดเพื่อช่วยสลายไขมันหลังทำ CoolSculpting ซึ่งจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ
CoolSculpting เหมาะกับใคร?
แม้ว่าการทำ CoolSculpting จะสามารถช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันลงถาวร และได้รับความสนใจมากจากหลายคน แต่ก่อนทำ CoolSculpting นั้น หมออยากให้สำรวจตัวเองก่อนว่า มีปัญหาไขมันมากน้อยแค่ไหน ปัญหาจากอะไร สัดส่วนเป็นอย่างไร เพราะ CoolSculpting เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ห่วงยาง ต้นแขน ต้นขา
- ลดแล้วแต่ยังไม่เห็นผล พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมอยู่
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย
หากเป็นคนที่มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป การทำ CoolSculpting จะเห็นผลน้อยและช้า จึงทำให้ผู้ที่มีน้ำหนักมากและค่า BMI มากกว่า 35 ไม่เหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็นครับ
การเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting
การเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากครับ คนไข้สามารถแต่งหน้า รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และดื่มน้ำได้ตามปกติ การทำ CoolSculpting จะคล้ายกับการทำทรีทเมนท์ทั่วไป ไม่ได้เป็นการผ่าตัด หรือการฉีดสลายไขมัน คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกเพื่อทำการตรวจประเมินว่าสามารถสลายไขมันด้วยการทำ CoolSculpting ได้หรือไม่ หากทำได้ หมอจะนัดคิวแล้วก็สามารถทำได้เลยครับ
เคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังสลายไขมันด้วยความเย็น
สำหรับการดูแลตัวเองหลังทำ CoolSculpting และอยากรักษาผลลัพธ์หุ่นสวยให้อยู่ได้นาน หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นอีก
หรือหากหลังทำไปแล้วอยากเห็นผลชัดเจนขึ้น ให้สัดส่วนและเซลล์ไขมันลดลงอีก ก็สามารถปรึกษาแพทย์และกลับมาทำ CoolSculpting ซ้ำได้ครับ
เปรียบเทียบ CoolSculpting กับเครื่องมือชนิดอื่น ๆ
CoolSculpting VS การดูดไขมัน
การทำ CoolSculpting เมื่อเทียบกับการดูดไขมัน มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปครับ แต่การดูดไขมันถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ต้องฉีดยาชาปริมาณมากและในบางเคสอาจต้องใช้ยาสลบ ถ้าไม่อยากรับความเสี่ยงในจุดนี้ หรือไม่อยากเจ็บ ไม่อยากมีแผล อาจจะไม่เหมาะกับการดูดไขมันครับ
ซึ่งในเรื่องของแผลและความเสี่ยงต่าง ๆ CoolSculpting จะได้เปรียบกว่าครับ เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน ที่สำคัญคือการสลายไขมันด้วยความเย็น มีราคาถูกกว่าการดูดไขมันมากครับ
CoolSculpting VS เมโสแฟต
ฉีดเมโสแฟต สลายไขมัน คือ การฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวบริเวณที่มีไขมันสะสม โดยจะเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นระบบการทำงานของ metabolism ที่เป็นกลไกเร่งการสลายไขมันตามธรรมชาติของร่างกาย และ L-carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น (Fat burn) หลังฉีดเมโสแฟต ไขมันจะเกิดการแตกตัวและถูกปล่อยออกมาในรูปของก๊าซและไขมันเหลว โดยจะปนมากับการหายใจ เหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระครับ
หลังฉีดเมโสแฟต จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยสามารถสลายไขมันได้ 10-15% ต่อการฉีด 1 ครั้ง สำหรับคนที่มีไขมันสะสมเยอะอาจเห็นผลไม่ชัดเจนในครั้งแรก อาจต้องฉีด 4-5 ครั้ง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลังฉีดเมโสแฟตจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมของคนไข้ การดูแลตัวเอง เช่น การรับประทานอาหารที่จะไม่เพิ่มการสะสมของไขมัน และการออกกำลังกาย
หากคนไข้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่นานกว่า และอยากกำจัดเซลล์ไขมันลงได้แบบถาวร หมอแนะนำ coolsculpting ครับ เพราะ CoolSculpting จะทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง และเข้าสู่กระบวนการกำจัดไขมันออกจากร่างกายทันที เซลล์ไขมันถูกทำลายอย่างถาวร ไม่มีการเพิ่มจำนวนอีก โดยการทำ 1 ครั้ง จะลดเซลล์ไขมันถาวรได้ประมาณ 25% ในเวลา 3 เดือน ถึงแม้ coolsculpting จะมีราคาที่สูงกว่าการฉีดเมโสแฟต แต่ถ้าประเมินราคาและผลลัพธ์แล้ว การทำ coolsculpting ถือว่าคุ้มค่ากว่าครับ
CoolSculpting VS Hifu/Ulthera
Hifu และ Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เหมือนกัน แต่ Ulthera จะมีขนาดจุดโฟกัสที่กว้างกว่า (Ulthera เป็นจุดขนาด 1 mm ส่วน Hifu เป็นจุดขนาด 0.5-1 mm) โดยจะส่งพลังงานความเข้มข้นสูง ส่งลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS เด่นในเรื่องยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย สามารถใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน ต้นขา เอว หน้าท้อง และสะโพก เพื่อเพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและสัดส่วน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น จึงช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่มขึ้น
สำหรับการทำ Hifu และ Ulthera SPT เพื่อช่วยสลายไขมัน อาจจะไม่ได้เห็นผลเท่า CoolSculpting ครับ เพราะ Hifu และ Ulthera ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสลายไขมันโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ชั้นไขมัน และชั้น SMAS เกิดการหดตัว ไขมันไม่ได้สลายไปไหน เพียงแค่กระชับขึ้นครับ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย ผิวเปลือกส้ม มีริ้วรอย ต้องการยกกระชับผิว
CoolSculpting VS Thermage
Thermage FLX เครื่องมือที่ช่วยสลายไขมัน ยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจน โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ยิงลงไปในชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ผิวชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน พลังงานที่ปล่อยออกมาจะส่งผ่านความร้อนแบบ Column ทำให้สามารถสร้างความร้อนใต้ผิวหนังได้ลึกและทั่วถึงมากกว่าเครื่องมือยกกระชับอื่น ๆ ความร้อนที่ส่งไปจะไปทำให้ผิวเกิดการหดตัว คล้าย ๆ การจี่เนื้อบนกระทะ ช่วยลดเนื้อไขมัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้น
Thermage สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ หรือมีเหนียงใต้คาง ผิวมีริ้วรอยย่นมาก ๆ ขาดคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีหัวใหญ่สำหรับการกระชับผิวส่วนเกินตามแขน ขา และหน้าท้อง เหมาะสำหรับจุดที่มีปริมาณไขมันไม่มาก แต่มีผิวหนังส่วนเกินชั้นบนเยอะ เช่น คนที่ลดน้ำหนักแล้วผิวไม่กระชับ คนที่ดูดไขมันแล้วผิวเป็นคลื่น ไม่กระชับ หรือคุณแม่หลังคลอด
coolsculpting รีวิว
Coolsculpting รีวิวสลายไขมันส่วนเกิน หน้าท้อง
Coolsculpting รีวิวสลายไขมันต้นแขน
อ่านบทความเพิ่มเติม : [ CoolSculpting รีวิว ] สลายไขมันด้วยความเย็น ช่วยลดต้นแขนแบบถาวร
ทำ coolsculpting ที่ไหนดี?
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบรับรองอย่างถูกต้อง
- ทำ CoolSculpting กับแพทย์ที่มีประสบการณ์
- ใช้เครื่อง CoolSculpting ของแท้เท่านั้น
- ดูรีวิว จากผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการจริงจากคลินิกนั้น ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี สลายไขมันด้วยความเย็น กระชับสัดส่วน ในจุดที่ลดยาก
coolsculpting ราคา?
coolsculpting ราคา ต่อจุดจะขึ้นอยู่กับจำนวนหนีบที่ใช้ครับ (1 หนีบ = 1 ฝ่ามือ) สำหรับ coolsculpting ที่ V Square Clinic ดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ และมีเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
- 1 หนีบ 8,500.-
- 2 หนีบ 17,000.-
- 4 หนีบ 34,000.-
- 6 หนีบ 51,000.-
- 10 หนีบ 85,000.-
📍ของแถมมูลค่า 2,500 บาท เลือกได้ตามรายการ ดังนี้
- ✅ วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
- ✅ มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
- ✅ เมโสแฟต Noble 6 CC
- ✅ โบท็อกซ์ 15 Unit (Botulax)
- ✅ Hifu Ultraformer lll 50 Line
สำหรับคนในช่วงอายุประมาณ 30 ปี ขึ้นไป ที่ระบบการเผาผลาญในร่างกายลดประสิทธิภาพลง หรือคนที่ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่ไขมันสะสมบางส่วนที่ลดไม่ลง การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเห็นผลและปลอดภัยครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ