Coolsculpting ไม่ได้ผล
เครื่องมือสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ Coolsculpting ช่วยสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ทำให้รูปร่างกระชับ ดูสมส่วนขึ้น เหมาะกับคนที่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้ว แต่ยังมีไขมันสะสม กำจัดออกยาก รวมถึงคุณแม่หลังคลอดที่อยากกลับมามีหุ่นใกล้เคียงก่อนตั้งครรภ์
คลินิกเสริมความงามชั้นนำส่วนใหญ่จะมีเครื่อง Coolsculpting ไว้ให้บริการครับ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ได้รับความสนใจ เพราะสามารถกำจัดถึงเซลล์ไขมันได้แบบถาวร เห็นผลลัพธ์เร็ว แต่ก็มีบางเคสครับที่ทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล เกิดจากอะไร? Coolsculpting ดีไหม? หมอจะมาตอบข้อสงสัยในบทความนี้
Coolsculpting ไม่ได้ผลเกิดจากอะไร ?
หลังทำ Coolsculpting จะสลายเซลล์ไขมันได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง โดยจะเริ่มเห็นผลสัดส่วนลดลง กระชับขึ้น ในสัปดาห์ที่ 3-4 เห็นผลเต็มที่ใน 3 เดือน สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น สำหรับคนที่ทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
1. ปริมาณไขมันมากเกินไป
ก่อนทำ Coolsculpting เบื้องต้นคนไข้จะต้องมีการประเมินปริมาณไขมันในร่างกายก่อนครับว่ามีมากน้อยแค่ไหน? ไขมันส่วนเกินเหล่านี้ เกิดจากอะไร? สัดส่วนเป็นอย่างไร? เพราะถ้ามีปริมาณไขมันมากเกินไป หรืออ้วนมาก ๆ จะไม่เหมาะกับการทำ Coolsculpting ครับ เพราะทำแล้วอาจเห็นผลไม่ชัดเจน หรือทำ Coolsculpting ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง
Coolsculpting เหมาะกับ
- คนที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง) และสะโพก
- คนที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ยังมีไขมันสะสม
- คุณแม่หลังคลอดที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง อยากมีหุ่นเฟิร์มกระชับขึ้น
- คนที่ไม่อยากผ่าตัดดูดไขมัน ไม่อยากพักฟื้นนาน ไม่อยากมีแผล
- คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยสามารถคำนวณหาค่า BMI ได้ตามสูตรคำนวณ หรือเทียบจากตารางน้ำหนักและส่วนสูงด้านล่างนี้
2. ใช้เครื่อง Coolsculpting ของปลอม
อีกหนึ่งสาเหตุของการทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล เกิดจากการเครื่องที่ไม่ได้คุณภาพ เป็นเครื่องเลียนแบบ ไม่ใช่เครื่อง Coolsculpting ของแท้ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ซึ่งส่วนมากจะเจอในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นมีหลายยี่ห้อครับ หลายคลินิกโฆษณาว่ามีหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็น แต่อาจจะไม่ใช่เครื่อง Coolsculpting ของแท้ ทำให้ไม่สามารถส่งผ่านความเย็นได้ตรงจุด ไปไม่ถึงจุดที่เป็นไขมันส่วนเกินที่ต้องการจะกำจัดออก
นอกจากทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล ยังอาจเกิดอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดผิวหนังไหม้จากความเย็น (Freeze Burn) ได้ เพราะเครื่องเลียนแบบไม่มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานเหมือนเครื่องแท้ ที่มีระบบ Freeze Detect หากตรวจเจอความเย็นบนชั้นผิวมากเกินไป เครื่องจะหยุดทำงานทันที
เครื่อง Coolsculpting ของแท้ ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นอย่างต่อเนื่อง มีหัวดูดไขมันให้เลือกใช้เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ดี เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและปลอดภัย หมอได้เขียนอธิบายหลักการทำงานของเครื่องไว้ในบทความ Coolsculpting คืออะไร? ทำไมต้องกำจัดไขมันด้วยความเย็น? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
3. ไม่ได้ทำ Coolsculpting โดยแพทย์หรือ Specialist
การทำ Coolsculpting ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องทำโดยแพทย์ซึ่งได้รับการฝึกอบรมด้านการออกแบบรูปร่าง หรือ Specialist ที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมด้านการทำ Coolsculpting โดยระหว่างทำจะอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพื่อประเมินการรักษาอย่างตรงจุด ให้ข้อมูลที่ชัดเจน เหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคสครับ
4. ละเลยการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting
แม้การทำ Coolsculpting จะสามารถกำจัดไขมันให้ลดจำนวนลงได้แบบถาวร แต่ก็มีเคสที่ทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล ซึ่งเกิดจากการละเลยการดูแลตัวเองหลังทำ เช่น ไม่ออกกำลังกาย ไม่ควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารแปรรูปที่มีแป้ง น้ำตาล อาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ของมัน ก็อาจทำให้เซลล์ไขมันที่เหลือเพิ่มขนาด ไขมันสะสมเฉพาะจุดขึ้นมาอีกได้ครับ
ถ้าอยากรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพควบคู่กัน หรือถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น ก็สามารถกลับมาทำ Coolsculpting ซ้ำได้ เพื่อให้จำนวนเซลล์ไขมันลดลงเรื่อย ๆ ครับ
5. แพทย์อธิบายไม่ชัดเจน คนไข้ตั้งความคาดหวังไว้สูง
การสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยเครื่อง Coolsculpting ราคาจะคิดเป็นจุดหรือหนีบตามที่หัวของเครื่องดูดเข้าไป ปกติ 1 หนีบจะสลายไขมันออกไปได้ครั้งละประมาณ 60-70 CC การปรับรูปร่างสัดส่วนในเคสส่วนมากมักจะต้องทำ 2-4 หนีบขึ้นไป จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับไขมันส่วนเกินของแต่ละคนในแต่ละจุดด้วย เช่น หน้าท้องบางคนอาจจะใช้ 2 หนีบ บางคนอาจจะ 4 หนีบ โดยการทำ 1 ครั้ง จะสามารถลดเซลล์ไขมันได้ 25% โดยสัดส่วนจะไม่ได้ลดลงทันทีหลังทำ ต้องรอเวลาให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อน จึงจะเริ่มเห็นผลในสัปดาห์ที่ 3-4 เห็นผลเต็มที่ใน 3 เดือน สามารถทำเพิ่มได้ในจุดเดียวกันเมื่อผ่านไป 1 เดือน
หมอจะต้องอธิบายทั้งหมดนี้ให้คนไข้ฟังอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาครับ เพื่อจะได้เข้าใจและไม่ตั้งความคาดหวังไว้สูงเกินไปจนรู้สึกว่าทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล
รีวิว Coolsculpting
ต้นแขน-ต้นขา เป็นจุดที่มักมีไขมันส่วนเกินสะสม จัดอยู่ในกลุ่มไขมันดื้อ กำจัดออกยาก ทำให้ต้นแขนหย่อน ต้นขาไม่กระชับ หย่อนคล้อย Coolsculpting จึงเป็นอีกตัวช่วยที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดยากอย่างต้นแขน ต้นขา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน้าท้อง เป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มากครับ มองเห็นได้ว่ามีพุง เอวหนา หน้าท้องยื่น หลายคนพยายามควบคุมอาหาร รวมถึงออกกำลังกาย แต่ไขมันส่วนเกินเหล่านี้ไม่ได้หายไปง่าย ๆ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สามารถกำจัดเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้องได้อย่างถาวร เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกถึง 25%
บทความแนะนำ
สลายไขมันส่วนเกิน แต่ละจุดต่างกันอย่างไร ?Coolsculpting ดีไหม ?
มีงานวิจัยทางการแพทย์ประมาณ 50 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาว่า Coolsculpting เครื่องมือสลายไขมันด้วยความเย็น สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้แบบถาวร ช่วยลดสัดส่วน กระชับสัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และมีความปลอดภัย
คนที่มีไขมันส่วนเกินสะสม อยากลดสัดส่วนเฉพาะจุดด้วย Coolsculpting ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเครื่อง Coolsculpting ที่ให้บริการนั้นเป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) สามารถสลายไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดยาก เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง) และสะโพก ได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ดีครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ