ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่

ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่

ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่ เป็นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่แพทย์ใช้ครับ สำหรับใครที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ก่อนตัดสินใจ นอกจากข้อมูลฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ฟิลเลอร์แท้-ปลอม ดูอย่างไร ? เทคนิคที่แพทย์ใช้อย่างการเลือกใช้เข็ม ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญครับ

การจะฉีดฟิลเลอร์จะออกมาได้ผลลัพธ์ดี ปลอดภัย ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะรู้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้องและปลอดภัย เช่น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่ คืออะไร ? ทำไมต้องใช้เข็มทู่ แตกต่างจากการใช้เข็มแหลมอย่างไร ? ดีกว่าหรือไม่ ? ติดตามได้ในบทความนี้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่ คืออะไร ?

ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่ หรือ เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) คือ การใช้เข็มที่มีลักษณะปลายเข็มทู่ มีขนาดเล็กกว่าไส้ปากกา ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ในการฉีดฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งการใช้เข็มทู่จะไม่มีคมบาดเนื้อเยื่อ และไม่แทงทะลุเส้นเลือด จึงเหมาะสำหรับการเดินยาบริเวณที่มีเส้นเลือดครับ

ลักษณะของเข็มทู่ ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์

เข็มฉีดฟิลเลอร์

(เข็มที่ใช้ทำหัตถการ : เข็มแหลม, เข็มทู่)

เข็มที่ใช้ในการทำหัตถการมีหลายแบบ จากภาพจะเป็นเข็มแหลมกับเข็มทู่ครับ สังเกตได้ง่าย ๆ ลักษณะเข็มทู่ปลายจะกลมมน ต่างจากเข็มแหลม ซึ่งจะแหลมกว่า โดยเข็มแต่ละแบบก็จะเหมาะกับการนำมาใช้งานที่แตกต่างกัน ในการฉีดฟิลเลอร์ หมอจะใช้เข็มทู่เป็นส่วนใหญ่ครับ

ลักษณะเข็ม นอกจากหัวเข็มที่มีความแตกต่างกันแล้ว ความยาวของเข็มก็มีหลายขนาด ตั้งแต่ 3/8 นิ้ว ถึง 5 นิ้ว แพทย์จึงต้องประเมินปัญหาและสภาพผิว ดูความลึกของตำแหน่งที่จะฉีด

ส่วนเบอร์เข็มก็มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กและใหญ่ ให้เลือกตั้งแต่ 14G-27G สำหรับการฉีดเข้าผิวหนังจะใช้เบอร์ 25G-27G ฉีดเข้าใต้ผิวหนังจะใช้เบอร์ 23G-25G ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความถนัดของแพทย์ในการเลือกใช้

เข็มแหลม กับ เข็มทู่ ต่างกันอย่างไร ?

  • เข็มแหลม ปลายเข็มมีลักษณะแหลมคม จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะไปทิ่มให้เส้นเลือดบาดเจ็บได้ง่าย ทำให้หลังทำอาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าเข็มทู่ เหมาะสำหรับใช้ร้อยไหม บริเวณที่เนื้อเยื่อมีความเหนียวและแข็งแรง และการฉีดฟิลเลอร์ในบางจุด เช่น หน้าผาก
  • เข็มทู่ ปลายเข็มมีลักษณะกลมมน ไม่แหลม ช่วยลดโอกาสที่ทำให้เส้นเลือดบาดเจ็บ เมื่อเข็มเฉียดผ่านเส้นเลือดก็จะไม่ทำให้เส้นเลือดฉีกขาด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำน้อยกว่าเข็มแหลม แต่ความสามารถในการทะลุทะลวงเนื้อเยื่อที่มีความเหนียวจะต่ำกว่า
เข็มทู่ VS เข็มแหลม

(เปรียบเทียบ เข็มแหลม VS เข็มทู่เข็มแหลม
มีโอกาสแทงถูกเส้นเลือดได้มากกว่า ในการฉีดฟิลเลอร์หมอจึงเลือกใช้เข็มทู่)

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่

  • รอยเปิดเข็มน้อย
  • ลดโอกาสแทงทะลุเนื้อเยื่อ ฉีดโดนเส้นเลือด
  • ลดอาการบาดเจ็บของเส้นเลือดในบริเวณเนื้อเยื่อรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด
  • เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย

เข็มทู่นิยมในการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับบริเวณที่ต้องใช้ความละเอียดสูง เช่น

โดยบริเวณเหล่านี้เป็นบริเวณที่เส้นเลือดสำคัญอยู่เยอะ จึงมีความเสี่ยงหากใช้เข็มเเหลมในการฉีดฟิลเลอร์

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่

1. ใช้ฟิลเลอร์แท้ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หากเกิดปัญหา สามารถใช้ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้ 100% ภายใน 5 นาที

2. เข็มทู่จะใช้ฉีดฟิลเลอร์ในชั้นเนื้อที่ตื้นขึ้นมา หรือสามารถฉีดชิดกระดูกได้ในบางจุด ส่วนเข็มแหลมจะใช้ฉีดฟิลเลอร์ชิดกระดูกเท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นเข็มทู่ก็ไม่สามารถหลบหลีกเส้นเลือดได้ 100% ต้องอาศัยเทคนิคการฉีดในข้อต่อ ๆ ไป ช่วยเสริม

ในยุคแรก ๆ ของ Hyaluronic Acid มีหมอจำนวนไม่น้อยที่ประมาทว่าใช้เข็มทู่แล้วจะไม่เข้าเส้นเลือด จึงทำให้เกิดเคสเนื้อตายหลายเคส ต่อมาเมื่อได้เรียนรู้เทคนิคการฉีดอย่างปลอดภัย ก็สามารถลดความเสี่ยงจุดนี้ลงได้มากครับ

ฟิลเลอร์เข็มทู่

(แม้จะเป็นเข็มทู่ ถ้าใช้ขนาดเข็มเล็กเกินไปก็สามารถแทงเข้าเส้นเลือดได้)

3. สำหรับเข็มทู่ ควรใช้ยาชาฉีดนำเข้าไปในบริเวณนั้น ๆ ก่อน ยาชาเป็นน้ำจะช่วยให้เส้นเลือดลื่น และลดโอกาสที่เข็มทู่จะเข้าเส้นเลือดได้

4. ก่อนที่หมอจะดันยาทุกครั้ง หมอจะต้องทดสอบโดยการดูดเข็มเข้ามาก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเข็มไม่เข้าเส้นเลือด โดยจะต้องดูดค้างไว้อย่างน้อย 10 วินาที จึงจะมั่นใจและเดินยาได้ หากเข็มมีการตัดผ่านเส้นเลือดขณะที่ดูดเข็มเข้ามา จะมีเลือดผสมเข้ามาในเข็มด้วย

5. ทั้งเข็มทู่และเข็มแหลมควรเลือกใช้ขนาดของเข็มที่ไม่เล็กจนเกินไป ขนาดที่เหมาะสมคือ 22G-25G เข็มที่มีขนาดเล็กเกินไปมีข้อเสีย ดังนี้

  • เพิ่มความเสี่ยงในการแทงเข้าหลอดเลือด
  • ขณะที่หมอดูดเข็มเพื่อทดสอบก่อนฉีด ถ้าเข็มเล็กเกินไป อาจจะทำให้ดูดไม่เจอเลือด ถึงแม้จะเข้าเส้นเลือด
  • ขณะที่เดินยา ถ้ารูเข็มเล็กจะเพิ่มแรงดันและเพิ่มโอกาสที่ฟิลเลอร์จะเข้าเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น
เข็มทู่

(ภาพตัวอย่างแสดงขนาดของเข็มฟิลเลอร์ ยิ่งเบอร์เล็ก ยิ่งมีขนาดใหญ่)

6. ขณะที่เดินยา หมอจะคลำปลายเข็ม เพื่อตรวจสอบทุกครั้งว่ามีฟิลเลอร์ออกจากปลายเข็มและทำให้เนื้อยกขึ้น เต็มขึ้น เหมือนเป่าลมลูกโป่งแล้วเห็นลูกโป่งพองขึ้น มั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ไม่ได้เข้าหลอดเลือด

7. ในแต่ละจุดที่ฉีด หมอจะเดินยาอย่างช้า ๆ เพื่อให้เกิดแรงดันน้อยที่สุด และฉีดปริมาณน้อย ๆ ในแต่ละจุด ไม่เกินจุดละ 0.1 CC ถ้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติก็จะสามารถแก้ไขได้ทันที โดยที่ปัญหานั้น ๆ จะยังไม่กระจายบริเวณกว้าง

เทคนิคทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเทคนิคที่แพทย์ของ V Square Clinic ทุกคน ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้เกิดความปลอดภัย 100% แก่คนไข้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์-โบท็อกซ์-ปลอดภัยไร้กังวล

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า