
รวมวิธีป้องกันและรักษาปากแห้ง
ปากแห้ง คือภาวะที่ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ปากแตกเป็นร่อง ลอกเป็นขุย อาจไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาพของริมฝีปากอีกด้วยครับ เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดความรุนแรง เป็นอันตรายจากการที่ริมฝีปากเป็นแผล และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้
ปากแห้ง เกิดจากอะไร ? ขาดวิตามินอะไร ? วิธีป้องกันและรักษาริมฝีปากแห้ง ให้กลับมาชุ่มชื้นดูสุขภาพดี มีวิธีไหนบ้าง ? ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ปากแห้ง
ปากแห้ง เกิดจากอะไร ?

ก่อนจะไปดูวิธีป้องกันและวิธีรักษาอาการปากแห้ง ก่อนอื่นมาดูสาเหตุกันก่อนครับว่า ปากแห้ง เกิดจากอะไร? หมอรวบรวมสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งบ่อย มีดังนี้
- ภาวะขาดน้ำ
เมื่อร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ริมฝีปากสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยง ปากแห้ง ขาดความชุ่มชื้นได้ครับ ในแต่ละวันเราจึงควรดื่มน้ำในประมาณที่เพียงพอ นอกจากนี้อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาเจียน ท้องเสีย หรือแม้แต่เสียเหงื่อปริมาณมากจากการเล่นกีฬา ก็ทำให้ริมฝีปากแห้งได้เช่นกันครับ
- สภาพอากาศ
ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรืออากาศเย็น ก็ล้วนส่งผลให้มีอาการปากแห้งได้
- อากาศร้อน ความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานาน รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากแห้งและแตก รวมทั้งเกิดริ้วรอยริมฝีปากได้
- อากาศเย็น คนที่นั่งทำงานในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น เพราะความชื้นจากริมฝีปากจะถูกดูดออกไป ทำให้มีริมฝีปากแห้งแตกได้
- เลียริมฝีปากบ่อย ๆ
หลายคนอาจจะคิดว่าการเลียริมฝีปากจะเป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก แต่พฤติกรรมเช่นนี้จะยิ่งทำให้ปากแห้งมากกว่าเดิมครับ เพราะในน้ำลายจะมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ซึ่งจะไปทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากแห้งมากยิ่งขึ้น
- ลิปสติก/ลิปบาล์ม
- ลิปสติก อาจมีส่วนผสม เช่น สี น้ำหอม ลาโนลินที่ให้ความชุ่มชื้น และสารกันบูด ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อริมฝีปาก เกิดอาการแพ้ ทำให้ปากแห้งได้
- ลิปบาล์ม โดยทั่วไปจะมีสารสำคัญที่เป็นตัวดูดความชื้นจากริมฝีปาก ทำให้ต้องทาลิปบาล์มอยู่บ่อย ๆ เพราะปากแห้งตลอดเวลาหากใช้เป็นประจำต่อเนื่อง จะทำให้ริมฝีปากแตกแห้งมากขึ้น

- ยาสีฟัน/น้ำยาบ้วนปาก
- ยาสีฟัน จะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง รวมทั้งสารทำให้เกิดฟอง สารที่มีรสชาติเย็นซาบซ่าและเผ็ด เช่น สารเมนทอล หรือมินต์ในปริมาณที่เยอะ รวมถึงสารแต่งกลิ่น อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ปากแห้งแตกได้ แม้จะพบได้น้อย แต่ก็พบได้
- น้ำยาบ้วนปาก ก็เช่นเดียวกัน อาจเกิดจากการแพ้สารแต่งรส แต่งกลิ่นเมนทอลได้
- ขาดวิตามิน
การขาดวิตามินส่งผลให้ริมฝีปากแห้ง ปากแห้งบ่อย โดยเฉพาะหากขาดวิตามินซี จนทำให้เป็นโรคขาดวิตามินซี หรือโรคลักปิดลักเปิด และขาดวิตามินบี จนทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก ริมฝีปากแห้งแตกง่ายกว่าคนทั่วไป
ยกตัวอย่างวิตามินที่หากได้รับไม่เพียงพอ สามารถทำให้ปากแห้งแตกได้
- วิตามินบี 2 ทำให้ผม เล็บ และผิวจะกระด้าง รวมไปถึงริมฝีปาก โดยวิตามินบี 2 สามารถเสริมได้ด้วยการดื่มนม รับประทานไข่ ผักใบเขียว ถั่ว และเนื้อไม่ติดมัน
- วิตามินบี 3 ทำให้ปากแห้งแตก ผิวหนังอักเสบแดง ลิ้นและปากบวม ร่างกายคนเราต้องการวิตามินบี 3 13-20 มิลลิกรัมต่อวัน โดยส่วนใหญ่จะพบในปลาทูน่า เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ธัญพืช ผักใบเขียวและนม
- วิตามินบี 6 ทำให้เป็นปากนกกระจอก ผิวพรรณมีปัญหา หากต้องการเสริมวิตามินบี 6 ได้ โดยส่วนใหญ่จะพบในเนื้อ ธัญพืช ผักใบเขียว และพืชมีฝักต่าง ๆ
- สังกะสี โดยปกติร่างกายควรได้รับสังกะสีวันละ 10-25 มิลลิกรัม โดยส่วนใหญ่จะพบในโฮลเกรน เนื้อวัว เนื้อหมู ถั่วต่าง ๆ ชีสเกาด้าและสวิส ทั้งนี้มีข้อควรระวังคือ ถ้าได้รับสังกะสีเกิน 100 มิลลิกรัมขึ้นไป อาจจะเป็นพิษต่อร่างกายได้ครับ

- ภูมิแพ้
ริมฝีปากแห้ง ภูมิแพ้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ในผู้ที่ผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ จะมีอาการคันบริเวณข้อพับเรื้อรัง และผิวแห้ง อาจมีริมฝีปากแห้งลอกร่วมด้วยได้
- ความเปลี่ยนแปลงของวัย
วัยผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาริมฝีปากแห้ง ซึ่งเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น การใช้ยา การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมันทำงานได้น้อยลง การมีโรคประจำตัว เจ็บป่วย การรับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น
- การรับประทานยาบางชนิด
ในคนที่รับประทานยา เช่น ยารักษาสิว Accutane, Propranolol ในยาลดความดัน หรือยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ก็อาจทำให้มีอาการปากแห้งได้
- สาเหตุอื่น ๆ
การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์, แพ้ยาทาเล็บในรายที่มีนิสัยชอบกัดเล็บ, โรคผิวหนังบางชนิด, แพ้อาหารบางประเภท ก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งได้ทั้งสิ้นครับ
อาการปากแห้ง เป็นอย่างไร ?
อาการปากแห้ง จะพบว่าริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย มีอาการคันหรือแสบร้อน บางครั้งอาจมีริมฝีปากแตกเป็นแผล เป็นร่อง ทำให้รบกวนการรับประทานอาหารและการพูด บางรายมีการอักเสบของมุมปากร่วมด้วย

ปากแห้ง อันตรายไหม ?
หากเป็นอาการปากแห้งโดยทั่วไป สามารถบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้ แต่หากพบว่าอาการปากแห้งเริ่มรุนแรง มีอาการเจ็บแสบหรือแดง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ ริมฝีปากอักเสบ เป็นอันตรายครับ โดยจะมีลักษณะอาการ ดังนี้
- ปากแห้ง แตก หรือลอกอย่างรุนแรง
- ริมฝีปากเป็นสีชมพูเข้มหรือสีแดง
- ริมฝีปากมีผิวสัมผัสที่ไม่ราบเรียบ
- เกิดเป็นแผลเปื่อย แผลอักเสบ หรือแผลพุพอง
- เกิดเป็นคราบขาวที่ริมฝีปาก
- มีอาการเจ็บแสบที่ริมฝีปาก
ปัญหาริมฝีปากแห้ง มีอาการปากแห้งบ่อยจึงไม่ควรมองข้าม และหาวิธีป้องกันแก้ไขไว้จะดีที่สุดครับ เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ครับ
ภาวะแทรกซ้อนของปากแห้ง
อาการปากแห้ง หากปล่อยไว้นาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เกิดคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ แผลในปาก ปากอักเสบจากเชื้อรา แผลหรือรอยแตกที่บริเวณมุมปาก ริมฝีปากแตก ในผู้สูงวัยที่ต้องใส่ฟันปลอม การที่มีริมฝีปากแห้งแตก อาจทำได้ลำบาก รวมถึงอาจมีภาวะขาดโภชนาการที่ดี เพราะมีปัญหาในการรับประทานอาหาร การบดเคี้ยวและการกลืน เป็นต้น
วิธีรักษาอาการปากแห้ง อย่างเร่งด่วน
สำหรับใครที่ต้องการรักษาอาการปากแห้งแบบเร่งด่วน หมอแนะนำหนึ่งในวิธีทางการแพทย์ คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแก้ปัญหาปากแห้งได้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน เป็นหัตถการที่สะดวกและปลอดภัย และยังเป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เติมความชุ่มชื้น กลบร่องปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อนำมาฉีดบริเวณริมฝีปาก นอกจากจะช่วยเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปาก ให้ปากอวบอิ่มขึ้น ปรับทรงปากกระจับ ปากเกาหลี ปากสายฝอ ปากที่ไม่เป็นรูปให้สมดุล ได้รูปทรงที่สวยงามแล้ว ยังแก้ปัญหาปากบาง ปากแห้งลอก ปากเป็นร่อง ให้ปากชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีขึ้นได้ครับ
รีวิวแก้ปัญหาปากแห้ง แตกเป็นร่อง ด้วยการฉีดฟิลเลอร์

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มากครับ ส่วนใหญ่ใช้ไม่เกิน 1 CC ก็ได้ผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่ถ้าหากต้องการปรับทรงปาก เพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น อาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มากขึ้นตาม
ที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์แท้แบรนด์อเมริกาและยุโรป ผ่าน อ.ย. ไทย สามารถสลายได้เอง 100% โดยไม่ตกค้าง สำหรับเติมปากชุ่มชื้น กลบร่องปาก ไม่ได้ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มมาก ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่หมอแนะนำมี 4 รุ่นนี้ครับ

นอกจากยี่ห้อข้างต้น ยังมีฟิลเลอร์ปากยี่ห้ออื่น ๆ ที่สามารถฉีดได้ในคนที่ไม่ได้กังวลเรื่องปัญหาปากแห้งมาก แต่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากแก้ปัญหาปากคว่ำ ปากบาง ปากไม่เท่ากัน หรือปรับทรงปากตามเทรนด์
สำหรับฉีดปากเกาหลี เพิ่มความละมุน หรือปรับทรงปากอวบอิ่มแบบสายฝอ ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ออกมาหลายรุ่นหลายยี่ห้อ และมีรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะครับ เช่น Restylane Kysse หรือ Belotero Lips เป็นต้น คนไข้สามารถส่งเรฟทรงปากมาให้หมอประเมิน แนะนำรุ่นยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสมกับความต้องการได้ครับ

ปากแห้งตลอดเวลา รักษาให้หายขาดได้ไหม ? วิธีไหนดีที่สุด ?
ในคนที่ปากแห้งตลอดเวลา ไม่ควรดึงหรือแกะหากเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ปากลอกและแห้งแตกมากยิ่งขึ้น ในเบื้องต้นหมอแนะนำให้หาสาเหตุของอาการปากแห้งที่เกิดขึ้นก่อน เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุด
- หากมีอาการปากแห้งเรื้อรังจากโรค หรือการรับประทานยา สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาวิธีรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์อาจปรับปริมาณยา หรือเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่น ร่วมกับการดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้อาการปากแห้งรุนแรงไปกว่าเดิม
- ถ้าหากปากแห้งเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเองด้วยการปรับพฤติกรรม ดื่มน้ำให้เพียงพอ
สำหรับใครถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็ว การฉีดฟิลเลอร์ปาก ยังคงเป็นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด เพราะช่วยเติมความชุ่มชื้นได้ทันที ทั้งหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีดูแลตัวเองไม่ยากครับ และไม่ต้องพักฟื้น จึงได้รับความนิยมอย่างมาก

บทความแนะนำ
วิธีป้องกันอาการปากแห้ง
ริมฝีปากจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำรุง เพื่อให้ริมฝีปากแห้งตลอดเวลา ปากแห้งบ่อย กลับมามีความชุ่มชื้น มีหลายวิธีครับ เมื่อเรารู้สาเหตุว่าปากแห้งเกิดจากอะไร ? เราก็จะสามารถป้องกันได้ เริ่มจากการดูแลตัวเองไปจนถึงการพึ่งพาหัตถการทางการแพทย์
1. ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาปากแห้งมาก อย่างแรกควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) หรือน้ำขวดเล็ก 3 ขวด (ขวดละ 600 มล.) แนะนำให้จิบบ่อย ๆ ครับ เพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นอยู่ตลอด

2. เลิกพฤติกรรมชอบเลียปาก ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะยิ่งเลียปาก ปากก็ยิ่งแห้งครับ และยังทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำขึ้นด้วย หากรู้สึกว่าปากแห้ง ควรทาลิปมันที่ผสมสารกันแดด หรือสารป้องกันรังสียูวี เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดมาทำร้ายริมฝีปาก
3. หมั่นทาลิปมันเป็นประจำ การทาลิปมันบ่อย ๆ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ช่วยบรรเทาอาการและทำให้ขอบปากไม่แห้งลอก หรือไม่ต้องปากแห้งก็ทาได้บ่อย ๆ เช่นกันครับ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้
4. ใช้ยาสีฟันปลอดสารเคมี สารเคมีมีส่วนทำให้ปากแห้งมาก ขอบปากลอก เป็นขุย ยาสีฟันเป็นอีกอย่างที่อาจมีส่วนผสมเคมีที่ทำให้เกิดการแพ้ได้โดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่มีปัญหาปากแห้งเรื้อรัง หาสาเหตุไม่ได้ ลองเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันออร์แกนิก สูตรธรรมชาติ สูตรสมุนไพร ก็จะช่วยลดปัญหาปากแห้งได้

5. รับประทานอาหารเสริม วิตามิน เพื่อแก้ปัญหาปากแห้ง ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี เช่น ผักใบเขียว ข้าวกล้อง ถั่วเปลือกแข็ง และตับ วิตามินบีจะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อของร่างกาย และรับประทานอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง เช่น ไข่ กระเทียม เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น
6. อมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง การอมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมามากขึ้น ลดอาการปากแห้งได้ แต่ควรเลือกแบบปราศจากน้ำตาล
7. สครับริมฝีปาก การสครับริมฝีปาก เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ปากนุ่ม ชุ่มชื้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ยังเกาะอยู่บนริมฝีปากให้หลุดออกไป ทำให้ปากเนียนนุ่ม ไม่หมองคล้ำ และลดโอกาสเกิดปากแห้งแตกได้ แนะนำให้สครับริมฝีปากสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็เพียงพอ
8. ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นในปาก เช่น น้ำลายเทียม น้ำยาบ้วนปาก หรือสารให้ความชุ่มชื้นหล่อเลี้ยงภายในปากทั้งรูปแบบสเปรย์ ยาอม และเจล
9. ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นทั้งวิธีป้องกันและช่วยรักษาอาการปากแห้ง สำหรับคนที่อยากเห็นผลเร็ว เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากแห้ง มีริ้วรอยที่ริมฝีปากและขอบปาก ริมฝีปากแห้งแตกเป็นร่องชัดเจนทำให้เวลาที่ทาลิปสติกแล้วเกิดการตกร่องของเนื้อลิปสติก ฟิลเลอร์จะช่วยปากแห้งให้กลับมานุ่ม ชุ่มชื้น อวบอิ่ม ดูสุขภาพดี
สรุปเรื่องปากแห้ง สาเหตุ และวิธีรักษา
ปากแห้ง เกิดได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจากภาวะขาดน้ำ สภาพอากาศ ภูมิแพ้ เลียริมฝีปาก ขาดวิตามิน และอีกหลาย ๆ สาเหตุ โดยอาการที่พบคือ ปากแห้ง ลอกเป็นขุย เป็นร่อง เป็นแผล ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเป็นอันตราย หากริมฝีปากเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ
ปัจจุบันมีวิธีป้องกันและวิธีแก้ไขปากแตก ปากแห้งหลายวิธี หากอยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ทันที การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเห็นผลชัดเจนครับ หากไม่อยากปรับเปลี่ยนทรงปาก ก็มีฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากโดยเฉพาะ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 31 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ