[คำแนะนำจากแพทย์] ฟิลเลอร์อันตรายไหม ? และวิธีฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย

“ฟิลเลอร์” ในทางการแพทย์ หมายถึง สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าสู่ร่างกาย (Injectable filler) ซึ่งมีหลายชนิด จึงอาจทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจคลาดเคลื่อนจากการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ ว่าการฟิลเลอร์อันตราย แต่ความเป็นจริงแล้ว ฟิลเลอร์มีทั้งชนิดที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยครับ

ชนิดของฟิลเลอร์ (Injectable filler) ในความหมายสากล

• Collagen จากสัตว์ ไม่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากจะมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ แพ้บวมแดงได้ง่าย
• Transplanted Fat (เติมไขมัน) เหมาะกับคนที่ต้องการฉีดครั้งละมากๆ 10-20 CC ขึ้นไป
• Biosynthetic polymers เช่น Calcium hydroxylapatite, polymethylmethacrylate, ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน กลุ่มนี้จะเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่สลายไม่หมด ไม่ปลอดภัย ไม่แนะนำให้ใช้ครับ เพราะไม่ผ่าน อย.
• HA (Hyaluronic Acid) เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมและปลอดภัยที่สุด จุดเด่นคือสามารถย่อยสลายเองได้  และสามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ มีใช้แพร่หลายทั่วโลก ในประเทศไทย เมื่อพูดถึง “ฟิลเลอร์” จะหมายถึงสาร HA  ที่สำคัญคือ ผ่านอย. ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศครับ

การฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลดีและปลอดภัย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งหมอขอแแนะนำให้คนที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาและพิจารณาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ ดังต่อไปนี้ครับ

ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานที่นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย และได้รับการรับรองจาก FDA ทั้งในและต่างประเทศ สามารถตรวจสอบได้

• ชนิดของฟิลเลอร์ ดังที่กล่าวไปข้างต้น ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย ควรเป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid) เท่านั้นครับ และก่อนฉีดทุกครั้ง ควรตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ 100% ยี่ห้อมาตรฐาน ได้รับการรับรองมาตรฐาน FDA ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ และนำเข้าอย่างถูกต้อง
• คุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบว่าเป็นของแท้ และควรตรวจดูบริเวณข้างกล่องและหลอดของฟิลเลอร์ จะปรากฏ Lot No., วันที่ผลิต, วันหมดอายุ และเลขที่อ้างอิง (Reference No.) และสามารถตรวจสอบอ้างอิงกลับไปยังผู้ผลิตได้ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยยิ่งขึ้น

อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ยี่ห้อ Juvederm /Restylane /Perfectha ดูอย่างไร?

ซ้าย: หลังฉีด 1 วัน l กลาง: หลังฉีด 1 สัปดาห์ l ขวา: หลังฉีด 3 ปี

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์จมูกที่ทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย (Necrosis) และเกิดเป็นรอยแผลเป็นเมื่อรักษาหาย

ที่มา : Kim BJ, You HJ, Jung I, Kim DW. Ophthalmoplegia with skin necrosis after a hyaluronic acid filler injection. Journal of Cosmetic Dermatology. 2020 Jun;19(6):1307-10.

• ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ โดยทั่วไปจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ จุดหลักๆ ได้แก่ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา, ฉีดฟิลเลอร์คาง, ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ฉีดฟิลเลอร์ขมับ, ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และฉีดฟิลเลอร์ปาก ร่องมุมปาก ครับ ส่วนจุดที่ไม่แนะนำให้ฉีดคือ ฟิลเลอร์หน้าอกและสะโพก เนื่องจากการฉีดให้เห็นผลและปลอดภัยจะต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 400 CC ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักล้าน และอยู่ได้ไม่นาน บางคลินิกจึงนำฟิลเลอร์ปลอมราคาถูกมาใช้ ทำให้ไม่สามารถสลายได้ บวมย้อยเป็นก้อนได้ อันตรายมากครับ
• เทคนิคที่ใช้ในการฉีด การฉีดฟิลเลอร์แม้จะใช้ของแท้ แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดกับหมอกระเป๋า โดยอันตรายที่เกิดจากเทคนิคที่ฉีด มีดังต่อไปนี้ครับ
  1. การฉีดฟิลเลอร์บริเวณฉีดฟิลเลอร์จมูก ร่องแก้ม หน้าผาก หรือรอบดวงตา ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทจำนวนมาก หากมีการฉีดที่คลาดเคลื่อนหรือผิดตำแหน่งเพียงเล็กน้อย ทำให้เส้นเลือดเกิดการอุดตัน จะส่งผลต่อการมองเห็น ตาบอดได้ครับ
  2. ผิวมีอาการ บวม แดง คัน เขียวช้ำ  เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ตื้นหรือมากเกินไป หรือจากเทคนิค  การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการฉีด
  3. เกิดเป็นก้อนบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน คนไข้จะต้องกลับมาทำการแก้ไขโดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ เจ็บตัวหลายครั้งครับ
  4. มีภาวะเนื้อเยื่อข้างเคียงตาย ซึ่งเกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด ฉีดมากเกินไป ทำให้อนุภาคของสารเติมเต็มไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เกิดอาการเนื้อเยื่อตาย มักจะเกิดบริเวณข้างและปีกจมูก จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มหรือฟิลเลอร์จมูกครับ
• การเลือกคลินิกที่ฉีด หากตัดสินใจจะฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด และมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ประจำคลินิก เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากการขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงกรณีมีเหตุฉุกเฉิน แพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีครับ
• แพทย์ประจำคลินิก ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและอยู่ประจำคลินิก ไม่ควรฉีดกับหมอกระเป๋าหรือแพทย์พาร์ทไทม์ครับ เนื่องจากแพทย์ประจำ จะมีประสบการณ์และเรียนทางด้านการปรับรูปหน้ามาโดยตรง มีเทคนิคการฉีดและเลือกใช้ฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ แพทย์จะต้องพยายามรักษาชื่อเสียงคลินิกและมีรีวิวที่เชื่อถือได้ จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยครับ

ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์มีขั้นตอนการตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้ก่อนฉีด แกะกล่อง แกะหลอดใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ

บทความแนะนำ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

(ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์)

ก่อนฉีดฟิลเลอร์

• ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ 
• เลือกคลินิกฉีดที่ได้มาตรฐาน ให้คำปรึกษาและทำหัตถการโดยแพทย์เท่านั้น
• ดูรีวิวฉีดฟิลเลอร์ จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น pantip, wongnai 
• ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba และยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว 7 วันก่อนฉีด ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนหยุดยานั้นๆ ด้วยครับ
• แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ทานประจำกับแพทย์ก่อนทำหัตถการ
• ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง หรือถ้ามีคอร์สนวดหน้าและเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วันครับ

(ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์)

หลังฉีดฟิลเลอร์

• หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง โดยควรนอนให้หัวสูงกว่าหน้าอก ใน 2-3 คืนแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า ซึ่งจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมามีการเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้ครับ
• ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ หรือปรับรูปทรงฟิลเลอร์ด้วยตัวเอง
• หากมีอาการบวมแดง จะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เนื่องจากเป็นอาการบวมเข็มครับ แต่ถ้า 3 วันแล้ว อาการดังกล่าวยังเป็นมากขึ้น ให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่ม
• ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
• อยู่แต่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม.หลังทำครับ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด การดื่มแอลกอฮอล์
• งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage เป็นเวลา 1 เดือน

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูง แต่ทั้งนี้ก่อนฉีดควรพิจารณาถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ และที่สำคัญคือควรเลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ

ที่ V square clinic ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อมาตรฐาน ของแท้ทุกรุ่น แกะกล่อง แกะหลอดใหม่ให้ดูต่อหน้า นำกล่องและหลอดกลับบ้านได้ อีกทั้งแพทย์ทุกท่าน มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้ากว่า 5-10 ปี รับประกันผลทุกเคส มั่นใจได้ว่าปลอดภัยครับ