วิธีรักษาฝ้า

วิธีรักษาฝ้า

วิธีรักษาฝ้าในปัจจุบันมีหลายทางเลือกมากขึ้น ทั้งการทำหัตถการทางการแพทย์ ใช้เครื่องเลเซอร์ เครื่องทรีทเมนต์ รวมไปถึงการรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะให้ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นผลต่างกันออกไป หรือบางวิธีก็อาจจะไม่เห็นผลเลย

สำหรับใครที่มีปัญหาฝ้าบนใบหน้า ในบทความนี้หมอมีวิธีรักษาในรูปแบบต่าง ๆ มาแนะนำครับ ทั้งวิธีรักษาฝ้าด้วยตัวเอง และการใช้หัตถการทางการแพทย์มาเป็นตัวช่วยฝ้า เกิดจากอะไร ? ลักษณะของฝ้า มีกี่แบบ ? เป็นฝ้าที่ใบหน้าอันตรายไหม ? วิธีรักษาฝ้าบนใบหน้า วิธีไหนเห็นผลไว? มีวิธีการป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิดฝ้าบนใบหน้า สามารถติดตามอ่านได้ครับ

ฝ้า เกิดจากอะไร ?

ฝ้า เกิดจากอะไร
  • แสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เนื่องจากแสงแดดจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมา จนเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายทำให้เกิดฝ้า กระตามมา
  • กรรมพันธุ์ เป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดฝ้าได้ตั้งแต่วัยเด็กครับ บางรายจะมีกรรมพันธุ์ที่เอื้อต่อการเกิดฝ้าแฝงอยู่ และปัจจุบันยังไม่สามารถหายีนที่ควบคุมการเกิดฝ้าได้
  • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็ส่งผลให้เกิดฝ้าได้ เช่น ในคนที่กำลังตั้งครรภ์ ทานยาคุม หรือคนที่เข้าสู่วัยทอง
  • ความเครียด เมื่อฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล จะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดเมลานินมากขึ้น จนสะสมเกิดเป็นฝ้า กระ ทำให้หน้าโทรม ไม่สดใส

ลักษณะของฝ้า ฝ้ามีกี่แบบ

ลักษณะของฝ้า ฝ้ามีกี่แบบ
  • ฝ้าแบบตื้น

เป็นฝ้าที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีและลำเลียงขึ้นสู่ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า โดยจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ และเห็นขอบชัดเจน

  • ฝ้าแบบลึก

เป็นฝ้าที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง โดยอยู่ในผิวชั้นลึกกว่าหนังกำพร้า ทำให้เห็นเป็นรอยไม่ชัด เนื่องด้วยความลึกจะทำให้เกิดสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้า หรือ สีน้ำตาลอมม่วง ซึ่งจัดเป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก

เป็นฝ้าที่ใบหน้าอันตรายไหม

ฝ้าที่ใบหน้าไม่อันตรายครับ แต่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้ คนไข้หลายรายจึงหาวิธีรักษาฝ้าแบบลองผิดลองถูกจนไม่คำนึงถึงอันตรายตามมา เช่น การซื้อผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าจากอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีคุณภาพ ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์มาใช้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดสูงเพื่อผลัดผิวจนผิวแห้งลอก ทำให้ผิวบางกว่าเดิม

ดังนั้นเราควรศึกษาวิธีรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน หรือไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง เพื่อหมอจะได้วางแผนและทำการรักษาอย่างเหมาะสม

วิธีรักษาฝ้าบนใบหน้า

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาฝ้าให้หายขาดแบบเห็นผล 100% ครับ มีเพียงวิธีบรรเทาให้ฝ้าจางลงและชะลอการเกิดฝ้าเท่านั้นซึ่งหมอจะมาแนะนำวิธีรักษาที่นิยม ดังนี้

1. เลเซอร์ รักษาฝ้า

เลเซอร์ รักษาฝ้า

เลเซอร์ รักษาฝ้า คือ การใช้เลเซอร์กลุ่มกำจัดเม็ดสีเมลานิน เช่น เลเซอร์ ND-Yag , Fractional, Q-Switch, Picosecond Laser, Copper Bromide laser เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานิน รักษาความผิดปกติของสีผิว และกระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลัดผิวไวยิ่งขึ้น หลังจากยิงเลเซอร์จะมีการตกสะเก็ดและอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์ครับ

2. Chemical peeling รักษาฝ้า

Chemical peeling รักษาฝ้า

Chemical peeling รักษาฝ้า คือการใช้กรด TCA หรือกรดผลไม้ ผลัดผิวบริเวณที่มีฝ้าให้หลุดลอกออกง่ายและเห็นผลเร็วขึ้น หลังทำผิวจะดูเรียบเนียน ฝ้าจางลง หน้ากระจ่างใสขึ้น ซึ่งกรดที่นำมาใช้จะมีหลายชนิด หลายสูตรและมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป จึงควรทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ เพราะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงและรอยดำได้

3. ทาครีมบำรุง รักษาฝ้า

ครีมบำรุง รักษาฝ้า

การใช้ครีมบำรุงรักษาฝ้า คือการทาครีมที่มี AHA (Alpha Hydroxy Acid) ,อาร์บูติน (Arbutin) ,กรดโคจิก (Kojic) , วิตามินเอ, เรตินอล, THIAMIDOL,Whiteningเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกและเผยผิวใหม่ขึ้นมาแทน ฝ้าจึงดูจางลง หน้ากระจ่างใสขึ้น แต่ต้องทาครีมอย่างสม่ำเสมอ และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

4. ทรีตเมนต์ รักษาฝ้า

ทรีตเมนต์ รักษาฝ้า

ทรีตเมนต์ รักษาฝ้า คือการใช้เครื่องมือ Electroporation ที่อาศัย ion wave ในการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนัง ไม่รู้สึกเจ็บ หรือระคายเคือง มีส่วนช่วยให้ตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวที่สามารถลงได้ลึกกว่าการทาครีมบำรุง เพื่อลดการทำงานของเม็ดสีผิวหรือเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ฝ้าค่อย ๆ จางลง ต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผล และไม่ได้เป็นการรักษาฝ้าที่หายขาด มีโอกาสที่ฝ้าจะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิมได้ครับ เครื่องมือ Electroporation ที่ได้รับความนิยม เช่น IPL (Intense Pulsed Light), การกรอผิวด้วยการพ่นผงคริสตัล, Iontophoresis, Dual Yellow Laser เป็นต้น

5. ทายา Hydroquinone รักษาฝ้า

ยา Hydroquinone รักษาฝ้า

ยาสำหรับใช้รักษาฝ้า ส่วนใหญ่จะมีผสมหลักคือ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งกระบวนการการสร้างเมลานิน ทำให้ฝ้าดูจางลง หน้าเรียบเนียนขึ้น แต่มีข้อควรระวัง คือต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้ยาในปริมาณที่มากเกินไป (ไม่ควรใช้เกิน 2%) จะทำให้เซลล์เม็ดสีตายจนเกิดเป็นรอยด่างขาวได้และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล อาจต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายเดือนเพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

6. การใช้ยารับประทานกลุ่ม Tranexamic acid รักษาฝ้า

Tranexamic acid รักษาฝ้า

Tranexamic acid เป็นยาที่สามารถละลายได้ดีในน้ำ ใช้สำหรับป้องกันภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง, ป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุดในระยะเวลาสั้น ๆ หรือป้องกันเลือดออกผิดปกติในระหว่างการผ่าตัดได้ และในขณะเดียวได้มีงานวิจัยว่า Tranexamic acid มีส่วนช่วยในการลดการสร้างเม็ดสี melanin ได้ถึง 30% จึงทำให้แพทย์ผิวหนังนำมาใช้ในการรักษาฝ้า

Tranexamic acidสามารถนำมาฉีดบนใบหน้าหรือรับประทานได้ โดยพบว่าแบบฉีดช่วยรักษาสีผิวใบหน้าที่ดีขึ้น 85% ใช้ระยะเวลา 3 เดือน และแบบกินพบว่าหากใช้ tranexamic acid 1500 mg ร่วมกับ vitamin C 3000 mg ต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน สามารถลดรอยฝ้าชัดเจนเมื่อเทียบกับก่อนรักษา ทั้งนี้ tranexamic acid ถือว่าเป็นยาที่อันตราย อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เลือดจาง ปวดหัว อ่อนเพลีย และไม่มีแรงได้ ควรใช้ภายใต้การดูแลและจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น

7. กินวิตามินกลุ่ม Anti-oxidant รักษาฝ้า

วิตามินกลุ่ม Anti-oxidant รักษาฝ้า

วิตามินกลุ่ม Anti-oxidant รักษาฝ้า เป็นการบำรุงผิวจากภายใน โดยตัวยาจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ สามารถควบคุมการสร้าง Melaninและลดการสร้างเม็ดสี อีกทั้งยังช่วยให้ผิวแข็งแรง สามารถทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้นและช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่ได้ ยาที่ได้รับความนิยม เช่น vitamin A B C E, Astaxanthin, Pycnogenol(สารสกัดเปลือกสน) เป็นต้น ทั้งนี้ควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย ปราศจากสารปรอท เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

8. ฉีดเมโสฝ้า สลายฝ้า

ฉีดเมโสฝ้า สลายฝ้า

การฉีดเมโสฝ้า คือฉีดตัวยา เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรงด้วยเทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ตัวยาจะช่วยควบคุมให้เม็ดสีทำงานลดลง และชะลอการกระจายของฝ้า ส่งผลให้รอยฝ้าจางลง หน้าดูกระจ่างใส เต่งตึง เรียบเนียน สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น เป็นวิธีที่เห็นผลไวกว่าการทาครีม มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้าได้เลย อีกทั้งการฉีดเมโสฝ้ายังช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานดีขึ้น ปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยลดปัญหาผิวหน้าได้ครับ

หลังฉีดเมโสฝ้าหน้าบวมเล็กน้อย เนื่องจากต้องให้เวลาตัวยาซึมเข้าสู่ผิว ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน โดยจะเริ่มเห็นผลประมาณวันที่ 3 และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และความถี่ในการฉีดครับ หากคนไข้อยากให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในช่วงเดือนแรกควรฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วก็สามารถฉีด 2-3 ครั้งต่อเดือนได้ครับ

ยี่ห้อเมโสฝ้า

ที่ V Square Clinic มีเมโสหน้าใสรักษาฝ้าและมาเด้คอลลาเจนให้เลือกหลายสูตร เพื่อแก้ปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ก่อนฉีดควรให้แพทย์ประเมินใบหน้าและเลือกสูตรตัวยาที่เหมาะสม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุดครับ

  • Made Collagen เน้นลดสิว ลดผื่น ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ ขับสารพิษ
  • Filorga / Revs เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า เติมความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิวแบบ Premium
  • Neo Glutanex Glow เน้นผิวขาวอมชมพู ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ฝ้า กระ หลุมสิว กระชับรูขุมขน
  • Tensonez เน้นผิวขาว ใส ลดฝ้า
  • Alpha Arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง

หากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น สามารถฉีดวิตามินซีผิว ขาวใส ผิวนุ่ม ควบคู่เพื่อช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน ผิวหนัง ป้องกันหวัด ป้องกันแสงแดดได้ครับ สำหรับการฉีดวิตามินผิว ขาวใส ผิวนุ่ม จะมี 2 สูตรด้วยกัน เป็นตัวยาล้วน ไม่ผสมน้ำเกลือ

  • สูตร Skin Glow ขาวใส แบบธรรมชาติ เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันแสงแดด ลดความหมองคล้ำ มีส่วนผสม Glutamine
  • สูตร White Rediance ขาวใส +10-20% ลดการทำงานเม็ดสี ป้องกันฝ้า มีส่วนผสม Glutamine, NAC

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล ? ฉีดบ่อยแค่ไหน ? ควรดูแลอย่างไรหลังฉีดผิว

ฉีดเมโสหน้าใส ราคาโปรโมชั่น ที่ V Square Clinic

รวมโปร Meso หน้าใส

ฉีดวิตามินผิวใส ราคาโปรโมชั่น ที่ V Square Clinic

Landingpage_วิตามินผิว_2024_V.3

อ่านบทความเพิ่มเติม :

การฉีดเมโสฝ้าเป็นวิธีการชะลอการเกิดฝ้าที่ได้ผลดีครับ มีความปลอดภัย และเห็นผลเร็ว ก่อนฉีดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิวหน้าก่อนว่าเหมาะกับตัวยาสูตรใด และเพื่อความคุ้มค่าและผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวังครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม? ฉีดแล้วมีผลข้างเคียงหรือไม่? อะไรบ้างที่ต้องระวัง ?

รักษาฝ้าแบบเร่งด่วนที่ไหนดี

รักษาฝ้าแบบเร่งด่วนที่ไหนดี by หมอพิม
  • มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ อยู่ประจำคลินิก สามารถให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดอย่างถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง จากกระทรวงสาธารณสุขโดยมีป้ายชื่อสถานพยาบาล เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก แสดงให้เห็นชัดเจน ตั้งอยู่ในทำเลที่ปลอดภัย เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ สะอาด มีห้องทำหัตถการกว้างขวาง
  • ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ใช้ เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้
  • มีรีวิว จากผู้ใช้บริการจริงที่คลินิก และมีช่องทางติดต่อออนไลน์ เช่น Facebook หรือ Line@ ที่คนไข้สามารถสอบถามข้อสงสัยกับหมอที่ดูแลเคสของตัวเองได้โดยตรง

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงเจอยาปลอม

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าบนใบหน้า

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าบนใบหน้า
  • เลี่ยงการออกแดดจัด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะแสงแดดคือตัวการทำให้เกิดฝ้าเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวแต่เนิ่น ๆ คือวิธีป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าที่ดีที่สุดครับ
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพราะจะช่วยดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย ยิ่งดื่มได้วันละ 2 ลิตรจะยิ่งดีมากครับ
  • หลีกเลี่ยงยาฮอร์โมน หรือยาเพิ่มฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยาปรับฮอร์โมน และก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะจะกระตุ้นฮอร์โมนให้ผลิตเม็ดสีเมลานินสะสมจนเกิดเป็นฝ้า
  • นอนให้เพียงพอเพื่อให้ผิวได้รับการซ่อมแซม โดยเฉพาะช่วงเวลา 4 ทุ่ม
  • เติมความชุ่มชื่้นให้ผิว โดยการหมั่นบำรุงผิว เช่น ทาครีมบำรุง มอยเจอร์ไรเซอร์ หรือฉีดเมโสหน้าใส ฉีดวิตามินผิว เติมวิตามินให้ผิวแข็งแรง
  • เลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะมีสารที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำร้ายผิว ทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์หรือสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ครีมหน้าขาวที่มีสารปรอท

สรุป

ปัญหาฝ้าบนใบหน้า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีไหนที่ช่วยรักษาฝ้าให้หายขาดแบบ 100% แต่ยังมีวิธีที่ช่วยชะลอการเกิดฝ้า และลดความเข้มของฝ้าได้ครับ ส่วนวิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด ควรเริ่มจากการป้องกันและบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอด้วยการทาครีมบำรุงและครีมกันแดด หรือถ้าอยากเห็นผลไว สามารถฉีดเมโสฝ้า เพื่อลดฝ้าได้ครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า