ฉีดปรับรูปหน้า-ทำวิธีไหนได้บ้าง

ฉีดปรับรูปหน้า

เรามักจะเคยได้ยินการฉีดปรับรูปหน้าด้วยโบท็อก ฟิลเลอร์ และการผ่าตัดศัลยกรรมปรับรูปหน้า แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกใช้วิธีไหนดี ที่จะเหมาะกับตัวเองและได้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการ

ในบทความนี้หมอจะอธิบายถึงความแตกต่างของแต่ละวิธี ข้อดี ข้อเสียที่ควรทราบก่อนตัดสินใจทำครับ

ฉีดปรับรูปหน้า ให้หน้าเรียวสวย แก้หน้าไม่เท่ากัน

สิ่งที่เรามักนึกถึงเป็นสิ่งแรกๆ เมื่ออยากจะปรับรูปหน้า คือการทำให้หน้าเรียวเล็ก ยาวสวย ไม่บานครับ และหลายคนก็มีความกังวลเรื่องหน้าไม่เท่ากันอีกด้วย

การปรับรูปหน้าทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละราย และยังสามารถทำควบคู่กันได้มากกว่า 1 วิธี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ครับ

ปรับรูปหน้าเรียวด้วยโบท็อก

  • โบท็อกลดกราม เหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่ โดยสามารถเช็คได้ด้วยวิธีการกัดฟัน แล้วใช้มือจับที่กรอบหน้าบริเวณกราม ถ้ารู้สึกมีก้อนนูน แสดงว่าเป็นคนที่มีเนื้อกล้ามเนื้อกรามใหญ่ (Massetor Muscle) ทำให้กรอบหน้าบริเวณกรามดูใหญ่ ใบหน้าจึงกว้าง ไม่วีเชฟเข้ารูป
  • ใช้เวลาทำ 10-20 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • อาจมีอาการบวมเข็มหลังฉีดเพียงเล็กน้อย หายได้เองใน 1-2 วัน ไม่มีรอยแผลผ่าตัดหรือแผลเป็น
  • หลังฉีด หน้าจะเริ่มเรียวลงใน 14 วัน เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน จะเห็นว่ากรามลดลง กัดฟันแล้วไม่มีก้อนนูน หน้าดูเล็กลง
  • อยู่ได้นาน 5-6 เดือน บางรายอาจอยู่ได้ถึง 1 ปี ถ้ามีการใช้กล้ามเนื้อกรามน้อย 
  • โบท็อกแท้ สลายหมด ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลข้างเคียง
  • สามารถฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า (Nefertiti lift) เสริม เพื่อช่วยให้แนวกรอบหน้าคมชัดขึ้นได้ด้วยครับ

ปรับรูปหน้าเรียวด้วยเมโสแฟต

  • เมโสแฟต เหมาะกับคนที่มีแก้มเยอะ ถ้าเช็คด้วยวิธีกัดฟัน จะจับพบเนื้อนิ่มๆ
  • ใช้เวลาทำ 10-20 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • จะบวมเป็นปริมาตรของยาที่ฉีด ประมาณ 1-4 ชั่วโมง แล้วจะค่อยๆยุบลง ขึ้นกับตัวยาที่ใช้ บางสูตร จะไม่บวมแดง 
  • ไขมันจะเริ่มสลายตัว 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์หลังฉีด
  • หากต้องการลดไขมันเพิ่มทำได้ทุก 7-14 วัน 
  • เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ได้นานมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร การออกกำลังกายด้วยครับ แต่ปกติแล้วจะสามารถรักษาผลลัพธ์ได้นาน 2-3 เดือน หากไม่ได้ฉีดต่อเนื่อง
โบทอก แฟต หน้าเรียว

(ในรายที่มีกรามและแก้มค่อนข้างเยอะ
สามารถใช้วิธีฉีดโบท็อกลดขนาดกรามและเมโสแฟตเพื่อลดแก้มควบคู่กัน
เพื่อให้หน้าเรียวขึ้นได้ครับ)

ปรับรูปหน้าเรียวด้วยการร้อยไหมก้างปลา

  • ร้อยไหมก้างปลา เหมาะกับคนที่มีแก้มหย่อนคล้อย หรือผู้ที่มีแก้มตอบจากแก้มที่หย่อนคล้อย
  • ใช้เวลาทำ 30 – 45 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • โอกาสบวมช้ำขึ้นกับเทคนิคของแพทย์ จะหายได้เองใน 7 – 14 วัน
  • เห็นผลหลังทำทันที จะเข้าที่เต็มที่ภายใน 1 เดือน
  • อยู่ได้ 4 – 12 เดือน ขึ้นกับชนิดของไหมที่ใช้ การดูแลตนเองหลังทำ และปริมาณอิลาสตินในผิวหนังคนไข้เอง ไหมละลายได้เอง 100% ไม่มีสารตกค้าง
  • สามารถร้อยไหมเพิ่มได้เรื่อยๆ
  • ถ้าร้อยไหมมาแล้วไม่ชอบ ไม่มีวิธีสลายออก ต้องรอให้สลายไปเองตามธรรมชาติ
ร้อยไหมก้างปลา

(ร้อยไหมก้างปลา จะช่วยให้แก้มที่หย่อนคล้อย ยกกระชับขึ้น เก็บกรอบหน้าเรียวขึ้นได้ครับ)

ปรับรูปหน้าเรียวด้วยการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดแก้มเร่งด่วน หวังผลได้แน่นอน และเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันถาวร
  • ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 40-60 นาที
  • จะไม่สามารถตัดไขมันในส่วนที่ superficial fat pad ซึ่งเป็นจุดที่คนไข้ส่วนใหญ่ต้องการลดได้ เพราะเป็นไขมันที่อยู่ตื้นติดกับชั้นผิวหนัง
  • ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์สูง เพราะถ้าประเมินไม่ดี ตัดออกมากเกินไป จะยุบลามไปถึงขมับ และทำให้แก้มตอบและหน้าห้อยได้
  • ต้องมีเวลาพักฟื้น บางรายมีอาการปวดมาก ขึ้นกับขนาดของแผลผ่าตัด
ตัดกระพุ้งแก้ม

(การตัดกระพุ้งแก้มจะไม่สามารถตัดไขมันในส่วนที่ superficial fat pad (หมายเลข 1) ได้ อาจใช้การดูดไขมันแทน แต่การดูดไขมันบริเวณนี้ไม่ควรทำเพราะเสี่ยงต่อการโดนเส้นประสาททำให้ปากเบี้ยวได้มาก)

ปรับรูปหน้าเรียวด้วยการผ่าตัดกราม ขากรรไกร

  • เป็นการตัดแต่งมุมกระดูกขากรรไกรให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับคนที่มีโครงหน้าส่วนล่างกว้างจากการที่กระดูกขากรรไกรกว้างยื่นออก
  • จะช่วยลดความผิดปกติของผู้ที่มีปัญหาขากรรไกร ช่วยเรื่องการเคี้ยวอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • มีอาการบวมมากหลังการผ่าตัด จำเป็นต้องมีเวลาพักฟื้น จะเข้าที่เต็มที่ใช้เวลา 1-3 เดือน
  • หากเป็นการผ่าตัดภายนอกช่องปาก อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ เสียเลือดมาก เส้นประสาทได้รับความเสียหาย และใบหน้าผิดรูป จึงต้องเลือกทำกับแพทย์เฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น
ผ่าตัดขากรรไกร

(ในรายที่มีหน้าเหลี่ยม หน้าบานจากโครงสร้างกระดูก สามารถใช้การตัดแต่งมุมกระดูกขากรรไกรให้มีขนาดเล็กลง
ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้)

ฉีดปรับรูปหน้า ลดโหนกแก้ม เพิ่มความละมุนให้ใบหน้า

ลดโหนกแก้ม ด้วยฟิลเลอร์

  • เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการผ่าตัดทุบโหนกแก้ม โดยจะใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มแก้มตอบและขมับที่ตอบ เพื่อให้ใบหน้าเต็มสวย โหนกแก้มดูเด่นน้อยลง เพิ่มความหวานละมุนให้แก่ใบหน้า
  • ใช้เวลาทำ 30-45 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำทันที บวมไม่มาก เข้าที่เต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์
  • หากมีรอยช้ำจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
  • ฟิลเลอร์อยู่ได้ 12-18 เดือน สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง สามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ
  • หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ สามารถใช้ยา Hyaluronidase ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันที ใบหน้าจะกลับสู่สภาพเดิมเหมือนตอนก่อนฉีด ไม่มีผลข้างเคียง
ฟิลเลอร์ขมับ แก้มตอบ ลดโหนกแก้ม

(คนไข้ที่มีรูปหน้าตอบ ขมับตอบ จะทำให้โหนกแก้มเด่นชัด ถ้ากลัวการผ่าตัดทุบโหนกแก้ม หมอแนะนำให้เติมฟิลเลอร์บริเวณขมับและแก้มตอบ ทำให้ใบหน้าดูเต็มสวยขึ้น ลดความเด่นของโหนกแก้มได้)

ลดโหนกแก้ม ด้วยโบท็อก

  • เหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มใหญ่จากกล้ามเนื้อ  โดยใช้โบท็อกเข้าไปลดขนาดกล้ามเนื้อ (zygomaticus) ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง โหนกแก้มจึงมีขนาดเล็กลงได้ แต่โหนกแก้มก็จะขึ้นเวลายิ้มได้อยู่ครับ
  • ใช้เวลาทำ 10-20 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • จะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อโหนกแก้มจะค่อยๆ นิ่มลง เล็กลง
  • ผลลัพธ์จะอยู่ได้แค่ชั่วคราว ประมาณ 3-6 เดือน 
  • ราคาไม่แพง
  • มีความเสี่ยงที่อาจทำให้ปากเบี้ยวหากฉีดผิดตำแหน่ง เพราะกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มมีผลกับการยิ้ม จึงควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น

ลดโหนกแก้ม ด้วยการผ่าตัด

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีโหนกแก้มที่เป็นโครงสร้างกระดูก คนที่มีโหนกแก้มสูงใหญ่มาก คนที่มีหน้าแบนกว้าง หรือมีโครงสร้างของใบหน้าส่วนกลางไม่สมดุล
  • ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • เห็นผลชัดเจนหลังทำ และคงผลลัพธ์ได้ถาวร
  • มีอาการบวมมากหลังการผ่าตัด จำเป็นต้องมีเวลาพักฟื้น จะเข้าที่เต็มที่ใช้เวลา 1 – 3 เดือน และบางรายอาจถึง 6 เดือน
  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนเหมือนการผ่าตัดใหญ่ เช่น เลือดออกมาก แพ้ยาสลบ เกิดอาการชาหลังทำ การติดเชื้อ เส้นประสาทได้รับความเสียหาย อาจจะต้องผ่าตัดแก้ไขเพิ่มเติม

ฉีดปรับรูปคาง คางบุ๋ม คางตัด เพิ่มความเรียวสวยให้ใบหน้า

ปรับรูปคาง ด้วยฟิลเลอร์

  • เหมาะกับคนที่มีคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม และกลัวการผ่าตัดเสริมคาง หรือฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อทดลองปรับรูปคางก่อนเสริมด้วยซิลิโคน 
  • ไม่แนะนำในผู้ที่มีคางสั้นมากๆ เพราะไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นได้มากเกิน 1 เซนติเมตร
  • ใช้เวลาทำ 30-45 นาที ไม่ต้องพักฟื้น
  • เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำทันที บวมไม่มาก เข้าที่เต็มชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์
  • ฟิลเลอร์อยู่ได้ 12-18 เดือน สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง
  • ถ้าฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคการเสริมกระดูก จะอยู่ได้นาน และเมื่อฟิลเลอร์สลายไป ก็จะสามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่ทำให้เนื้อคางผิดรูป
  • หากฉีดในเนื้อคางชั้นตื้นเกินไป ถึงแม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เนื้อคางผิดรูปได้ (แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์คาง ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะไม่พบปัญหานี้ครับ)
  • หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ ถ้าสั้นเกินไปสามารถเติมเพิ่มได้ หากยาวเกินไป สามารถสลายบางส่วนออก หรือสลายทั้งหมดได้ทันที
ฟิลเลอร์คาง

(หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ดูสวยมีมิติขึ้น
แต่ไม่สามารถฉีดให้คางยาวกว่าเดิมได้เกิน 1 เซนติเมตร)

ปรับรูปคาง ด้วยการผ่าตัดเสริมซิลิโคน

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้นมากๆ คางเบี้ยว คางหลบเข้าด้านใน หรือยื่นออกด้านหน้า และต้องการให้ผลคงอยู่ถาวร
  • ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง 
  • หากใช้เทคนิคเปิดแผลนอกช่องปาก อาจทำให้มีแผลนูนหรือคีลอยด์หลังผ่าตัด
  • แผลผ่าตัดจะยุบบวมเต็มที่ และเข้ารูปใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
  • หากเลือกใช้ซิลิโคนไม่เหมาะสม อาจเกิดการกดทับ mental foramen ซึ่งเป็นรูทางออกของเส้นประสาท ทำให้ปากเบี้ยวได้ครับ
  • หลังผ่าตัด ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือน ไม่หัวเราะมากเกินไป รับประทานอาหารอ่อน ไม่ควรเคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียว ในช่วง 3 เดือนแรก
ตัวอย่างผ่าตัดเสริมคางไม่รับกับแนวกราม

(การเลือกใช้ซิลิโคนมีส่วนสำคัญอย่างมากในหารผ่าตัดเสริมคาง
เคสนี้เคยผ่าตัดเสริมคางจากคลินิกอื่นและเลือกใช้ซิลิโคนขาสั้น ไม่รับกับแนวกราม
จึงเกิดร่องมุมปาก ทำให้แก้มดูห้อย คางยาวขึ้น แต่หน้าไม่เรียว)

เสริมจมูก เพิ่มความโด่ง ปรับรูปทรงจมูก

ฟิลเลอร์จมูก

  • ฟิลเลอร์จมูก เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัดมากๆ ไม่มีแผนที่จะเสริมจมูกในอนาคต เพราะจะทำให้เกิดปัญหาในการยึดเกาะของแท่งซิลิโคน 
  • ต้องมีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างในระดับปานกลาง แต่ต้องการเพิ่มความคม สันจมูกหรือปลายจมูกขึ้นเล็กน้อย 
  • เป็นจุดที่มีความเสี่ยงว่าเมื่อฉีดไปแล้วฟิลเลอร์อาจจะเข้าเส้นเลือดหรือเข้าตาได้ หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพอ
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่บวม ไม่ช้ำ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์จมูกหากต้องการปรับแก้ให้โด่งมากขึ้นหรือน้อยลงสามารถทำได้ด้วยการฉีดสลายบางส่วนหรือการฉีดเพิ่มเติมได้ตามที่คนไข้ต้องการ
Face arteries

(Dorsal nasal artery เป็นเส้นเลือดที่มาเลี้ยงจมูกส่วนนอกและเชื่อมกับลูกตา
หากฉีดไปโดนจุดนี้ ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ตาบอดได้)

ร้อยไหมจมูก

  • ร้อยไหมจมูก เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้วแค่ต้องการความคม หรือในคนที่สันจมูกสวยอยู่แล้วแต่ต้องการยกแค่ปลายจมูกขึ้น (ใช้เทคนิควิธีร้อยไหมจมูกแบบพิเศษ)
  • ปลอดภัยมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูก เนื่องจากไม่เสี่ยงต่อการเข้าเส้นเลือด
  • อยู่ได้นาน 18 เดือน – 2 ปี ขึ้นกับชนิดของไหมที่ใช้ และสามารถกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างเนื้อเยื่อจมูกของเราเองขึ้นมาได้
  • ในคนที่ไม่มีฐานจมูกเส้นไหมไม่สามารถร้อยจมูกในปริมาณเยอะๆ ได้ เพราะจะทำให้ elastin ซ้อนทับกันหลายชั้นมากเกินไปและเกิดเป็นผังผืดให้ดึงรั้งจมูกในอนาคต
  • แม้ว่าจะเป็นไหมละลาย แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการละลาย ไม่มียาที่ฉีดสลายได้เหมือนฟิลเลอร์
ร้อยไหมจมูก PCL 10 เส้น

(การร้อยไหมจมูก จะทำให้เป็นสันคมได้มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นาน 18 เดือนถึง 2 ปี)

ผ่าตัดเสริมจมูก

  • เหมาะกับคนที่ไม่มีฐานจมูก หรือคนที่มีฐานจมูกระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์จมูกและร้อยไหมจมูก ผลการรักษาของการผ่าตัดเสริมซิลิโคนจะสวยงามกว่า อยู่ได้นานกว่า อันตรายน้อยกว่า และราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่อยู่ได้
  • ได้เป็นทรงสวยตามที่คนไข้ต้องการ มีความปลอดภัยสูง ซึ่งต้องทำด้วยเทคนิคที่ถูกต้องเท่านั้น
  • อาจเกิดการบวมช้ำ ต้องพักฟื้น 2-4 สัปดาห์ หากไม่ชอบต้องผ่าตัดแก้ไขเท่านั้น การผ่าตัดแก้ไขหลายๆ ครั้งก็จะมีโอกาสบวมช้ำมากขึ้นเรื่อยๆ

ปรับโหงวเฮ้งด้วยการเสริมหน้าผาก เติมเต็มหน้าผาก แก้หน้าผากแคบ

เติมหน้าผาก ด้วยฟิลเลอร์

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเติมร่องหน้าผากที่ยุบตัว หรือเพิ่มความโหนกนูนโดยที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากมีรอยแผล
  • เจ็บน้อยกว่าผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อยไม่เกิน 7-14 วัน สามารถปรับเพิ่มลดความโหนกนูนได้ตามต้องการและความชอบ
  • ฟิลเลอร์แท้อยู่ได้ 1-2 ปี และสามารถทยอยเติมใหม่ได้เรื่อยๆ 
  • หากไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกบางส่วนเพื่อปรับแต่งได้ตามความต้องการ สะดวกและง่ายกว่าการผ่าตัดมาก
  • ฟิลเลอร์หน้าผากไม่ควรฉีดเกินครั้งละ 5 cc เนื่องจากจะเกิดการกดทับเนื้อเยื่อและบวมลงมาถึงบริเวณรอบดวงตาได้ แต่ก็จะเป็นแค่ชั่วคราวไม่เกิน 14 วันก็จะหายเป็นปกติครับ
  • การเติมฟิลเลอร์หน้าผากให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนนั้นต้องใช้ฟิลเลอร์หลายซีซี ตั้งแต่ 3 – 5cc ขึ้นไป ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์แท้จะมีราคาค่อนข้างสูง (อย่างต่ำๆก็ 13,000 .-/cc) 
  • บริเวณหน้าผากมีเส้นเลือดที่เชื่อมเข้าสู่ดวงตา ฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดตันทำให้ตาบอดได้ แต่ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โอกาสเสี่ยงก็เหลือน้อยมากครับ

ฟิลเลอร์หน้าผาก

(การฉีดเติมเต็มหน้าผากด้วยฟิลเลอร์ จะช่วยให้หน้าผากที่แคบและเป็นร่อง ดูเต็มมีมิติมากขึ้นและช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้กับใบหน้า)

ศัลยกรรมหน้าผาก

  • เหมาะกับคนที่มีหน้าผากแบนเกินไปหรือมากเกินไป คงผลการทำได้ถาวร
  • หลังทำจะบวมช้ำค่อนข้างมากต้องพักฟื้นนานเป็นเดือน และมีรอยแผลในไรผมยาวตามขนาดของซิลิโคน ดูแลรักษาแผลยาก 
  • จะเห็นผลเข้าที่เต็มที่ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
  • หากเสริมมาแล้วก็ไม่สามารถปรับลดเพิ่มความโหนกนูนได้ต้องผ่าตัดแก้ไขปรับแต่งเท่านั้น
  • ถ้าผิวหน้าบางลงหรือผอมลง อาจทำให้เห็นขอบซิลิโคนได้
ผ่าตัดเสริมหน้าผาก

(การผ่าตัดเสริมหน้าผากต้องใช้แผ่นซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่ ต้องเปิดแผลกว้าง เสี่ยงต่อการบวมช้ำมากต้องพักฟื้นนาน)

การปรับรูปหน้า ทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนและความต้องการของคนไข้เองเป็นหลักครับ ทั้งนี้ ควรจะศึกษาถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธีให้ละเอียด รวมถึงควรจะปรึกษาแพทย์และตรวจประเมินก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยตรงใจ ไม่มีปัญหาตามมาภายหลังครับ

ปรึกษาการฉีดปรับรูปหน้า

ที่ V square clinic มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามากว่า 15 ปี มั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย หากใครที่ยังไม่แน่ใจ สามารถเข้ามารับคำปรึกษาและตรวจประเมินโดยแพทย์ก่อนตัดสินใจทำได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า