
Oligio ตัวช่วยยกกระชับผิว เจ็บน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ดี
Oligio คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (RF – Radio Frequency) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ ผิวแน่น เฟิร์ม และช่วยให้โครงหน้าดูกระชับ โดยไม่ต้องพักฟื้นให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคุ้มค่า แต่คำถามคือ…
Oligio ดีจริงหรือแค่กระแส ?
Oligio ต่างจาก HIFU, Thermage, Ulthera และ Morpheus อย่างไร ?
Oligio เหมาะกับใคร ? ใครที่ไม่ควรทำ ?
บทความนี้หมอจะพาไปเจาะลึกทุกข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Oligio พร้อมเปรียบเทียบกับเทคโนโลยียกกระชับผิวอื่น ๆ เพื่อช่วยให้คนไข้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

Oligio
- Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วย คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้น พร้อมช่วยสลายไขมันส่วนเกิน
- หลังทำเห็นผลทันที 20% ดีขึ้นใน 3-6 เดือน อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Oligio เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวน้อย ๆ มีริ้วรอยเล็ก ๆ มีเหนียง
- ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาก่อนทำ เจ็บน้อยกว่า Thermage และ Ulthera
- ถ้าต้องการยกกระชับแบบเห็นผลชัดและอยู่ได้นาน มีผิวหย่อนคล้อยมาก Ulthera กับ Thermage จะตอบโจทย์มากกว่า
สารบัญ Oligio
Oligio คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ?

Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับหน้าพร้อมสลายไขมันด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่สามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System)
พลังงาน RF จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และจัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนเดิมให้เป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น เรียบเนียน กระชับ พร้อมสลายไขมันใต้ชั้นผิว โดยเฉพาะบริเวณแก้มและเหนียง ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น หน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หลักการทำงานของ Oligio



Oligio มีหลักการทำงาน 3 ขั้นตอนสำคัญดังนี้ครับ
- ปล่อยพลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นผิว → หัวเครื่องส่ง Monopolar Capacitive Radio Frequency Energy (พลังงาน RF แบบโมโนโพลาร์) ลงไปใต้ชั้นผิวถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและสลายไขมันใต้ชั้นผิว → พลังงานความร้อนที่ปล่อยลงไปจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis) พร้อมสลายไขมันใต้ชั้นผิว
- มีการเรียงตัวของคอลลาเจนใหม่ →หลังจากคอลลาเจนเดิมหดตัว ร่างกายจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โครงสร้างผิวฟื้นตัว ผิวดูกระชับและตึงขึ้น
Oligio ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
Oligio ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย หรือฟื้นฟูโครงสร้างคอลลาเจนในผิวหนังเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีคุณสมบัติเด่นดังนี้
- ช่วยกระชับผิวหน้าและลำคอ ลดความหย่อนคล้อยและทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น
- ช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว ลดเหนียง ลดไขมันแก้ม และส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย
- แก้ปัญหาหนังตาตก เปลือกตาตก คิ้วตก หรือมุมปากตก
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องลึกดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูแน่นขึ้นและมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้น
เปรียบเทียบ Oligio VS HIFU VS Thermage VS Ulthera และ Morpheus ต่างกันอย่างไร ?

ปัจจุบันเทคโนโลยียกกระชับผิวมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและความแตกต่างกันไป การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาผิว ระดับความเจ็บที่สามารถทนได้ และผลลัพธ์ที่ต้องการครับ
Oligio VS Thermage
หลักการทำงาน
- Oligio ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz พร้อมระบบความเย็น 5°C และระบบสั่น
- Thermage ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz เช่นกัน แต่มีระบบ Comfort Pulse Technology (CPT) ควบคุมความร้อน
ความแตกต่างหลัก
- ความร้อน Oligio สร้างความร้อน 40-45°C ในขณะที่ Thermage สร้างความร้อนสูงถึง 60-70°C
- ความเจ็บ Oligio เจ็บน้อย ไม่ต้องทายาชา ขณะที่ Thermage อาจมีความเจ็บมากกว่า แต่ก็เห็นผลชัด
- ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้ Oligio อยู่ได้ 6-12 เดือน ส่วน Thermage อยู่ได้นานกว่า 1-2 ปี
- Thermage จะเห็นผลในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยมากกว่า
- Oligio ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000.- ส่วน Thermage เริ่มต้นที่ 30,000.-
เหมาะสำหรับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงปานกลาง กลัวความเจ็บ และต้องการเห็นผลทันที
- Thermage เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน
Oligio VS HIFU
หลักการทำงาน
- Oligio ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF สร้างความร้อนประมาณ 40-45°C ที่ชั้นผิวหนังแท้และชั้น SMAS
- HIFU ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูงสร้างจุดความร้อน 65-75°C ที่ความลึกหลายระดับ (1.5, 3.0, 4.5 มม.)
ความแตกต่างหลัก
- HIFU พลังงานลงถึงชั้น SMAS ได้ลึกและแม่นยำกว่า โดยเฉพาะที่ระดับ 4.5 มม.
- ความสบายขณะทำ Oligio สบายกว่ามาก มีระบบความเย็นและระบบสั่น
- HIFU เน้นการยกกระชับโดยตรง Oligio เน้นทั้งยกกระชับและลดไขมันใต้ผิว
- HIFU มีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า (ประมาณ 3,999 บาท) แต่อาจต้องทำบ่อยกว่า
เหมาะสำหรับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่กลัวความเจ็บ ต้องการไม่มีพักฟื้น เห็นผลเร็ว และต้องการลดไขมันใต้คางและแก้มไปพร้อมกัน
- HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ เก็บกรอบหน้า มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการเข้าถึงชั้นผิวลึกหลายระดับ
Oligio VS Ulthera
หลักการทำงาน
- Oligio ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ควบคู่กับระบบความเย็น
- Ulthera ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ร่วมกับเทคโนโลยี DeepSEE ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวขณะทำ
ความแตกต่างหลัก
- Ulthera มีความแม่นยำกว่าในเรื่องการส่งพลังงาน เพราะมีหน้าจอแสดงชั้นผิวขณะทำ
- Ulthera มีความเจ็บปวดมากที่สุดในกลุ่มเทคโนโลยียกกระชับผิว ขณะที่ Oligio เจ็บน้อยที่สุด
- Ulthera ให้ผลลัพธ์ยกกระชับที่ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1-2 ปี
- Ulthera มีราคาสูงกว่า เริ่มต้นที่ประมาณ 20,000.-
เหมาะสำหรับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงปานกลาง กลัวเจ็บ
- Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก ต้องการผลลัพธ์ยกกระชับที่ชัดเจนและยาวนาน
Oligio VS Morpheus
หลักการทำงาน
- Oligio ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF แบบไม่มีเข็ม (non-invasive) ร่วมกับระบบความเย็น
- Morpheus8 ใช้การผสมผสานระหว่างเข็มขนาดเล็ก (microneedles) กับคลื่นวิทยุ RF (Fractional RF Microneedling)
ความแตกต่างหลัก
- Morpheus8 ใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงผิวลึกถึง 4 มม. เพื่อนำส่งคลื่น RF โดยตรงสู่ชั้นผิวลึก ทำให้ปรับโครงสร้างผิวได้ลึกกว่า
- Morpheus8 มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการรักษารอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยลึก
- Oligio ไม่ต้องพักฟื้น ขณะที่ Morpheus8 มีดาวน์ไทม์ประมาณ 3-5 วัน มีอาการบวม แดง และอาจมีจุดเลือดออกเล็กน้อย
- Oligio ให้ความรู้สึกสบายกว่า Morpheus8 ซึ่งใช้เข็มเจาะผิวอาจเจ็บเล็กน้อย
- Morpheus8 ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า ประมาณ 12-18 เดือน เทียบกับ Oligio ที่อยู่ได้ 6-12 เดือน
เหมาะสำหรับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งยกกระชับและลดไขมันในคราวเดียวกัน
- Morpheus8 เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง ผิวมีพื้นผิวไม่เรียบ หรือริ้วรอยลึก และต้องการปรับโครงสร้างผิว
โดยรวมแล้ว Oligio เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับผิวที่ทนเจ็บได้น้อยและเห็นผลทันที แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและนานกว่า อาจต้องพิจารณา Thermage, Ulthera หรือ Morpheus จะตอบโจทย์กว่าครับ
อย่างไรก็ตามการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากสภาพผิว ความรุนแรงของปัญหา งบประมาณ ความทนต่อความเจ็บปวด และระยะเวลาพักฟื้นที่ยอมรับได้ การปรึกษาแพทย์ จะช่วยให้คนไข้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุด
Oligio เหมาะกับใคร ? ใครบ้างที่ควรทำ ?

อายุเท่าไหร่ควรทำ Oligio ถึงเห็นผลดีที่สุด ?
Oligio เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปครับ เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีการลดลงของคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว
แต่หากอายุเกิน 55 ปีและมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องพิจารณาเทคโนโลยีอื่นที่พลังงานสูงกว่า อย่าง Thermage หรือ Ulthera ซึ่งจะเห็นผลชัดและนานกว่าครับ
ปัญหาผิวแบบไหนที่ Oligio ช่วยแก้ไขได้ ?
- ผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ใต้คาง และกรอบหน้า
- ริ้วรอยตื้นถึงปานกลาง เช่น รอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก รอยตีนกา และร่องแก้ม
- รูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ หน้าไม่เรียบเนียน
- มีไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้า เช่น บริเวณแก้ม เหนียงใต้คาง
- มีปัญหาหนังตาตก คิ้วตก มุมปากตก
- มีริ้วรอยบริเวณคอ ผิวคอไม่กระชับ
Oligio ผู้ชายทำได้ไหม ?
Oligio สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ โดยเฉพาะผู้ชายที่ต้องการกระชับกรอบหน้า ลดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าที่ดูเหนื่อยล้าให้สดชื่นขึ้น โดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำ Oligio ?
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคเริม หรือการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
- ผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือโลหะฝังอยู่บริเวณที่ทำการรักษา
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังรุนแรง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคหัวใจขั้นรุนแรง
- ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants)
- ผู้ที่เพิ่งได้รับการทำหัตถการทางความงามอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกัน เช่น การฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์
Oligio ดีไหม ? ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง ?
Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องผ่าตัด และเจ็บน้อยเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำครับ
ข้อดีของ Oligio
- ใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการดึงหน้า แต่ไม่ต้องผ่าตัด
- ช่วยกระชับผิวและลดไขมันได้ในเครื่องเดียว ทำให้ใบหน้าเรียวและดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- เวลาทำไม่นาน ใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีต่อครั้ง
- เหมาะกับทุกสภาพผิว และสามารถใช้ได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
- ช่วยกระชับผิวหน้าและลำคอ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และริ้วรอยลดลง
- เห็นผลลัพธ์ทันที 20% หลังทำ และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน
- ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่มีเวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ
ข้อเสียของ Oligio
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่ากับ Thermage หรือ Ulthera โดยเฉลี่ยประมาณ 6-12 เดือน
- อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง ซึ่งในระยะยาวอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- เมื่อเทียบกับ Thermage หรือ Ulthera ในกรณีผิวหย่อนคล้อยมาก Oligio อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่า
- บางคนอาจเห็นผลชัดเจนมาก ในขณะที่บางคนอาจเห็นผลน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และปัจจัยอื่น ๆ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Oligio

รีวิวผลลัพธ์หลังทำ Oligio ทันที
- ผิวกระชับขึ้นประมาณ 20% สังเกตได้จากกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้มและเหนียงใต้คาง
- ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้น เกิดจากการหดตัวทันทีของเส้นใยคอลลาเจนเมื่อได้รับความร้อน
- ใบหน้าดูสดใสขึ้น เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง
- รูขุมขนกระชับขึ้น สังเกตได้จากผิวที่เรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูก
- ไขมันใต้ผิวลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณเหนียงและแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
หลังทำ Oligio กี่วันเห็นผลชัด ?
แม้จะเห็นผลทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสมบูรณ์จะค่อยๆ ปรากฏตามช่วงเวลาดังนี้ครับ
- 1-2 สัปดาห์ : ผิวเริ่มกระชับและเต่งตึงมากขึ้น อาการบวมหรือแดงเล็กน้อย (ถ้ามี) จะหายไปหมด
- 1 เดือน : เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นประมาณ 40-50% ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีกรอบหน้าชัดเจน
- 2-3 เดือน : เห็นผลลัพธ์ประมาณ 70-80% สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวทั้งในแง่ความกระชับและเรียบเนียน
- 3-6 เดือน : เห็นผลชัด 100% เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ทำงานเต็มที่ ริ้วรอยตื้นลง ผิวยืดหยุ่น กระชับ และเต่งตึง
หลังทำ Oligio ผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่เดือน ?
ผลลัพธ์จากการทำ Oligio โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้ครับ
- อายุ : ผู้ที่อายุน้อยกว่ามักมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า เนื่องจากผิวยังมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนได้ดี
- การดูแลผิวหลังทำ : การทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ วิตามินซี หรือเรตินอล จะช่วยยืดระยะเวลาของผลลัพธ์
- สภาพฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต : การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อดนอน รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง และความเครียด ล้วนทำลายคอลลาเจนและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
Oligio เจ็บไหม ? มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
ทำ Oligio ไม่เจ็บครับ ตัวเครื่องระบบความเย็น และระบบสั่นที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ และก่อนทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชา
ระดับความเจ็บของ Oligio เทียบกับ HIFU และ Thermage
- Oligio เจ็บน้อยกว่า Thermage และ Ulthera เนื่องจากใช้พลังงาน RF ที่ไม่เข้มข้นจนเกินไป
- เจ็บ พอ ๆ กับ HIFU แต่ให้ความรู้สึกสบายกว่า เนื่องจากมีเทคโนโลยี Cooling System ที่ช่วยลดอุณหภูมิ
หลังทำ Oligio จะมีอาการอะไรบ้าง ?
- รอยแดงเล็กน้อย พบได้ในบางคนที่ผิวบอบบาง จะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง
- ความรู้สึกอุ่นบริเวณที่ทำ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังทำ
- ผิวตึงหรือชาเล็กน้อย เกิดจากการหดตัวของคอลลาเจน จะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง
- อาจมีอาการผิวแห้งตึงในช่วง 1-2 วันหลังทำ
- อาจเกิดรอยช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ผิวบอบบาง จะหายไปเองภายใน 5-7 วัน
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Oligio เพื่อลดอาการบวมแดง
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน
- งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟูเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกัดผิวแรง ๆ ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
การดูแลหลังทำ Oligio ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การดูแลผิวหลังทำ Oligio เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น อาการบวมแดง ผิวแห้ง หรือการระคายเคือง ซึ่งคนไข้สามารถทำตามคำแนะนำของหมอดังนี้ครับ
ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้างหลังทำ Oligio ?
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- งดการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรืออบไอน้ำในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้สครับ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่เพราะอาจทำให้การฟื้นตัวของผิวช้าลง
ควรทำ Oligio บ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผลชัดเจน ?
- สำหรับผู้ที่ทำครั้งแรก แนะนำให้ทำทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุ
- หากต้องการผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง อาจทำซ้ำทุก 6 เดือน เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
อาหารและไลฟ์สไตล์ที่ช่วยให้ผล Oligio อยู่ได้นานขึ้น
- รับประทานอาหารที่มี คอลลาเจนสูง เช่น ปลาแซลมอน ไข่ขาว และผักใบเขียว
- ดื่ม น้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะความเครียดสามารถทำลายคอลลาเจน และลดประสิทธิภาพของผลลัพธ์
Oligio ราคาเท่าไหร่ ?
โดยทั่วไปแล้ว ราคา Oligio จะเริ่มต้นที่ 15,000.- ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำ, จำนวนช็อตที่ใช้, แพทย์หรือคลินิกที่มีชื่อเสียง และโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจของแต่ละคลินิกครับ
เปรียบเทียบราคากับเทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ
สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ราคาโปรโมชันพิเศษ ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัย V Square Clinic มีแพ็กเกจสุดคุ้มให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของแต่ละบุคคลครับ
- มีบริการ ปรึกษาแพทย์ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
- ทุกหัตถการทำโดยแพทย์ผู้ด้านการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ
- ใช้เครื่องแท้ ยาแท้ นำเข้าจากบริษัทโดยตรง
- รีวิวแน่น มีผู้ใช้บริการจริง การันตีผลลัพธ์
- มีสาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดินทางสะดวก
ราคา Ulthera

ราคา Thermage

ราคา Hifu (Ultraformer III)

คลิก Banner เพื่อเช็กราคาหัตถการอื่น ๆ ที่เหมาะกับคุณ!

คำถามที่พบบ่อย
Oligio ทำแล้วหน้าบวมไหม ?
อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบางคน โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาหรือริมฝีปาก แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วันครับ
ทำไมบางคนทำ Oligio แล้วไม่เห็นผล ?
ผลลัพธ์ของ Oligio ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว อายุ ความรุนแรงของปัญหาผิว และการดูแลผิวหลังทำ ในบางกรณี หากผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป Oligio อาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
นอกจากนี้ การเลือกคลินิกที่ใช้เครื่อง Oligio แท้และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็มีผลต่อประสิทธิภาพต่อผลลัพธ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่า Oligio เหมาะกับสภาพผิวของคนไข้ไหม ถ้าไม่เหมาะอาจต้องเลือกทำตัวอื่นที่เหมาะสมกว่าครับ
Oligio สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่ ?
สามารถทำได้ครับ แต่ควรเว้นประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด Botox หรือ Filler และ 1 เดือนหลังการทำเลเซอร์หรือหัตถการที่มีผลต่อผิวหนัง
เทียบผลลัพธ์ Oligio กับ Thermage อันไหนดีกว่า ?
- Oligio เจ็บน้อยกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิวแบบสบาย ๆ ผิวมีปัญหาน้อย
- Thermage ใช้พลังงานสูงกว่า ช่วยสลายไขมันใต้ผิว และให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า 1-2 ปี
Oligio สามารถทำที่บริเวณไหนได้บ้าง ?
Oligio สามารถทำได้ทั้งใบหน้า ลำคอ และบางบริเวณของร่างกาย เช่น ท้องแขน หน้าท้อง หรือบริเวณที่มีผิวหย่อนคล้อย
สรุป Oligio ดีไหม ? ควรค่าแก่การทำไหม ?
ถ้าคนไข้ต้องการยกกระชับแบบไม่เจ็บตัวมาก มีปัญหาผิวน้อย ๆ การทำ Oligio ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ แต่ในกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องพิจารณา Thermage หรือ Ulthera ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนที่สุดหรือเข้ามาขอคำแนะนำกับหมอที่ V Square Clinic ก่อนได้ ปรึกษาและประเมินสภาพผิวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
