เสริมจมูกแบบโอเพ่น
การเสริมจมูก ถือว่าเป็นการศัลยกรรมที่คนส่วนใหญ่เลือกทำเป็นสิ่งแรกในการเสริมความงาม เพื่อทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของใบหน้า เพราะจมูกนับว่าเป็นอวัยวะที่โดนเด่น หากใครที่มีจมูกสวย โด่งได้รูป รับกับใบหน้า ก็จะส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูสมส่วน มีมิติ และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าของใบหน้าเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันวิธีการเสริมจมูกมีให้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือการเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ช่วยปรับและแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกได้ตรงจุด จึงช่วยลดความเสี่ยงซิลิโคนทะลุได้ในอนาคต เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกสั้น, ปีกจมูกกว้าง, เนื้อจมูกน้อย หรือคนที่เคยทำจมูกแล้วเกิดปัญหา ต้องการแก้ไขทรงจมูก
สำหรับใครที่สนใจเสริมจมูกแบบโอเพ่น ในบทความนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลความรู้จากMasterpiece Hospital ว่าเสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร? ระหว่างเสริมจมูกแบบโอเพ่น กับเสริมจมูกแบบปิด ต่างกันอย่างไร? อันตรายไหม? ใครบ้างเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่น? รวมไปถึงการเตรียมตัวก่อน-หลังการเสริมจมูกแบบโอเพ่น เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจครับ
เสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)คือการเสริมจมูกที่ใช้เทคนิคการเปิดแผลจากด้านหน้าตรงบริเวณฐานรูจมูกทั้งสองข้างจนเห็นแกนจมูก และทำการใส่วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกไปในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ และวัสดุที่เป็นกระดูกอ่อนของตัวคนไข้เอง เช่น เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหู, กระดูกอ่อนซี่โครง หรือวัสดุจากเนื้อเยื่อเทียมที่สังเคราะห์ขึ้นจากคอลลาเจน
การเสริมจมูกวิธีนี้จะเห็นโครงสร้างของจมูกทั้งหมด ทำให้แพทย์สามารถแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างแม่นยำและตรงจุด เช่น ตอกฐานจมูก, เสริมจมูกยืดผนังกั้นจมูก, ตกแต่งกระดูกฐานจมูกให้มีขนาดเล็กลง, ตัดปีกจมูกให้สวยงามและเข้ารูปขึ้น, ปรับแต่งปลายจมูกให้ดูเรียวเล็ก อีกทั้งยังสามารถแก้ทรงจมูกในคนไข้ที่เคยผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้วผิดพลาด จมูกเบี้ยว จมูกเอียง จมูกฮัมพ์สูง หรือในคนที่เคยแก้จมูกมาแล้วหลายครั้ง จนทำให้โครงสร้างเดิมเสียหายครับ
อีกหนึ่งเทคนิคที่แพทย์ใช้กันมายาวนานและปัจจุบันก็ยังนิยมใช้อยู่ คือเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) สำหรับข้อสงสัยที่ว่าเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) คืออะไร? แล้วระหว่างการเสริมจมูกแบบโอเพ่น กับ การเสริมจมูกแบบปิด ต่างกันอย่างไร? หมอจะอธิบายถึงความแตกต่างในหัวข้อต่อไปนี้ครับ
เสริมจมูกแบบโอเพ่น กับเสริมจมูกแบบปิด ต่างกันอย่างไร ?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่นกับการเสริมจมูกแบบปิด ต่างกันอย่างไร? ทั้ง 2 วิธีนี้ เป็นวิธีการเสริมจมูกหลัก ๆ ที่ศัลยแพทย์ทั่วไปใช้ในการเสริมจมูกครับ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้สามารถใช้วัสดุในการเสริมจมูกได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุสังเคราะห์อย่างซิลิโคน หรือวัสดุที่เป็นกระดูกอ่อนของตัวคนไข้เอง รวมไปถึงเนื้อเยื่อเทียมต่าง ๆ
แต่ที่ต่างกันคือวิธีที่แพทย์ใช้ในการเปิดแผลครับ การเสริมจมูกแบบโอเพ่น จะใช้เทคนิคการเปิดแผลจากด้านหน้าตรงบริเวณฐานรูจมูก แต่การเสริมจมูกแบบปิดจะเป็นการเปิดแผลบริเวณภายในรูจมูก
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) คือ การเสริมจมูกแบบมาตรฐานทั่วไป โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง และทำการใส่วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกไปในตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นแพทย์จะทำการเย็บแผลเป็นลำดับสุดท้าย
วิธีนี้จะค่อนข้างได้รับความนิยมมากกว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่น เพราะมีแผลที่เล็กและมองไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน ไม่ยุ่งยาก ราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือมีโอกาสที่จมูกจะเบี้ยว ซิลิโคนทะลุเนื่องจากเนื้อจมูกบางลง และติดเชื้อง่ายกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากแพทย์ไม่สามารถเห็นปัญหาภายในโครงสร้างจมูกของคนไข้ได้อย่างชัดเจนครับ
ใครบ้างเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ?
- คนที่มีเนื้อจมูกน้อย จมูกสั้น ปีกจมูกบาน กระดูกคดเบี้ยวหรือฐานกระดูกเดิมเอียง นูนและหนาผิดปกติ จนไม่สามารถเสริมปกติแล้วตรงได้
- คนที่มีจมูกฮัมพ์สูง จมูกงุ้ม จมูกชมพู่ หรือรูจมูกไม่เท่ากัน
- คนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ถาวร ดูเป็นธรรมชาติ
- คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์จมูกหรือร้อยไหมจมูกมาก่อน เนื่องจากการเสริมจมูกแบบโอเพ่น สามารถเลาะฟิลเลอร์และพังผืดที่เกิดจากการทำหัตถการได้ ทั้งนี้ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น
- คนที่เคยผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้วผิดพลาด หรือแก้ทรงจมูกซ้ำหลายครั้งจนทำให้โครงสร้างเดิมเสียหาย
เสริมจมูกแบบโอเพ่น อันตรายไหม ?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น ไม่อันตรายครับ เป็นวิธีที่ปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงซิลิโคนทะลุและจมูกเบี้ยว เอียงในอนาคตได้ เนื่องจากการเสริมจมูกแบบโอเพ่น แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกของคนไข้ได้อย่างชัดเจน ทำให้แพทย์มองเห็นปัญหาและแก้ไขทรงจมูกของคนไข้ได้อย่างตรงจุด
สำหรับการเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่อันตรายคือ เสริมจมูกกับหมอที่ไม่มีความชำนาญ ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางหรือเสริมจมูกกับคลินิกที่มีเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดไม่สะอาด ไม่มีห้องฆ่าเชื้อหรือห้องที่ใช้สำหรับการผ่าตัดโดยเฉพาะ ที่สำคัญไม่ควรเสริมจมูกกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน เปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายครับ
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- แพทย์สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะเห็นโครงสร้างจมูกชัดเจน โอกาสที่จมูกจะเอียงหรือเบี้ยวมีน้อย ไม่เสี่ยงซิลิโคนทะลุ
- สามารถแก้ทรงจมูกได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ปัญหาฐานจมูกเบี้ยว เอียง, ยืดจมูกให้ยาวขึ้น, ปรับองศา ปลายจมูก, คนที่มีปีกจมูกกว้าง จมูกบาน, จมูกฮัมพ์สูง, จมูกงุ้ม
- ให้ผลลัพธ์ถาวรและดูเป็นธรรมชาติ
- ทำจมูกได้หลายทรง สามารถทำได้ทั้งทรงจมูกผู้ชายและทรงจมูกผู้หญิง เช่น ทรงหยดน้ำ, ทรงจมูกสโลปปลายพุ่ง, ทรงจมูกเกาหลี, ทรง Dolly Nose, ทรง Sweetie, ทรงบาร์บี้ไลน์ เป็นต้น
ราคาเสริมจมูกแบบโอเพ่น
ราคาเสริมจมูก Masterpiece Hospital
ราคาเสริมจมูกแบบโอเพ่น ราคาถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก และโปรโมชั่น รวมไปถึงค่ามือหมอที่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ ราคาเสริมจมูก ราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 60,000 – 200,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้เสริมจมูก, เทคนิคการผ่าตัดและค่าฝีมือแพทย์ตามคลินิกนั้น ๆ ครับ
เทคนิคเสริมจมูก | ราคาเสริมจมูก |
---|---|
ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน USA | ราคา 15,900.- |
ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน KR | ราคา 22,000.- |
Optional ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน ค่าใช้กระดูกอ่อนหลังหู | ราคา 28,000.- |
Optional ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน ค่าเนื้อเยื่อเทียม | ราคา 20,000.- |
ศัลยกรรม เสริมจมูก Open Rhinoplasty | ราคา 69,500.- |
ศัลยกรรม ตัดปีกจมูก | ราคา 10,000.- |
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- ตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียด และต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว การแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำ เป็นต้น
- หากใครที่มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย เช่น เป็นโรคเบาหวาน, HIV, โรคไต หรือโรคที่มีความเสี่ยงต่อบาดแผลที่หายยากและติดเชื้อง่าย จะต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้ง
- งดวิตามินที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันรำข้าว, โสม, กลูโกชามีน, เมล็ดองุ่น, ใบแปะก๊วย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด ( หากมีโรคประจำตัวสามารถทานยาได้ปกติ ห้ามหยุดยาเอง ยกเว้นยาที่ระงับการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน , Warfarin ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ )
- ควรงดอาหารและน้ำ 6-8 ชม.ก่อนการผ่าตัด แต่สำหรับการผ่าตัดแบบฉีดยาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร
- ควรงดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลล์ที่ซ่อมแซมการหายของแผล มีผลให้เลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณผ่าตัดลดลง แผลจะหายช้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และหากต้องทำการผ่าตัดบริเวณใบหน้าควรเลี่ยงการแต่งหน้า
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- ตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียด และต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว การแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำ เป็นต้น
- หากใครที่มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย เช่น เป็นโรคเบาหวาน, HIV, โรคไต หรือโรคที่มีความเสี่ยงต่อบาดแผลที่หายยากและติดเชื้อง่าย จะต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้ง
- งดวิตามินที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันรำข้าว, โสม, กลูโกชามีน, เมล็ดองุ่น, ใบแปะก๊วย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด ( หากมีโรคประจำตัวสามารถทานยาได้ปกติ ห้ามหยุดยาเอง ยกเว้นยาที่ระงับการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน , Warfarin ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ )
- ควรงดอาหารและน้ำ 6-8 ชม.ก่อนการผ่าตัด แต่สำหรับการผ่าตัดแบบฉีดยาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร
- ควรงดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลล์ที่ซ่อมแซมการหายของแผล มีผลให้เลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณผ่าตัดลดลง แผลจะหายช้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และหากต้องทำการผ่าตัดบริเวณใบหน้าควรเลี่ยงการแต่งหน้า
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- แพทย์ตรวจสภาพร่างกายและซักประวัติของคนไข้อย่างละเอียด คนไข้จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว การแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำ
- การเสริมจมูกแบบโอเพ่น ถือว่าเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แพทย์จะฉีดยาชาและต้องดมยาสลบให้กับคนไข้ โดยรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 15 นาที เมื่อคนไข้หลับ เจ้าหน้าที่พาเข้าห้องผ่าตัด
- แพทย์จะทำการเปิดแผลจากด้านหน้าตรงบริเวณฐานรูจมูกทั้งสองข้างจนเห็นแกนจมูก เพื่อทำการแก้ไขโครงสร้างจมูกจากด้านในโดยตรง
- หากคนไข้เคยฉีดฟิลเลอร์จมูกมาก่อน แพทย์จะทำการเลาะสารเหลว เลาะสารตกค้าง ซิลิโคนเหลว หรือพังผืดที่เกาะตามผิวจมูกออก
- แพทย์จะใส่ซิลิโคน หรือเนื้อเยื่อของตัวคนไข้เองตัวเอง ตามทรงจมูกที่คนไข้เลือกหรือทำตามแผนการรักษาที่แพทย์ได้ทำการประเมิน
- หลังจากแก้ไขจมูกเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะทำการเย็บปิดแผล ดามเฝือกจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ รวมเวลาในการผ่าตัดทั้งหมดประมาณ 3-5 ชั่วโมง
การดูแลหลังเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- ใน 48 ชั่วโมงแรกแนะนำให้ประคบเย็นเพื่อลดบวม โดยใช้แผ่นเจลหรือผ้าชุบน้ำเย็นประคบนานประมาณ 20 นาที สลับกับหยุดพัก 20 นาที และหลังจาก 2 วัน สามารถเริ่มประคบอุ่นได้
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกห้ามนอนคว่ำ ควรนอนยกศีรษะสูงประมาณ 30 องศา
- ห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน คนไข้สามารถทำความสะอาดโดยใช้กระดาษซับมัน หรือใช้สำลีชุบน้ำอุ่นหมาด ๆ เช็ดทั่วใบหน้าอย่างเบามือ หลังจากนั้นสามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ
- หากจมูกมีอาการบวมผิดปกติหรือมีเลือดออกให้มาปรึกษาแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่กระทบกระเทือนต่อจมูก เช่น การออกกำลังกาย การสั่งน้ำมูก การวิ่ง การว่ายน้ำ เป็นเวลา 8 สัปดาห์
- งดแอลกอฮอลล์และของหมักดองทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการสวมแว่นตาในช่วง 4 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณจมูกแรง ๆห้ามกดหรือบิดจมูก เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บและเกิดการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อผิดปกติ
- ใช้ยารักษาแผลเป็นได้หลังจากแผลแห้งแล้วเท่านั้น โดยเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังผ่าตัด
“ ข้อควรรู้ : แนะนำให้ ดื่มน้ำใบบัวบกหรือน้ำมะพร้าว เพื่อช่วยรักษาแผลและอาการฟกช้ำให้หายเร็วยิ่งขึ้น และช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน”
เสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดี ?
สำหรับการเลือกคลินิกเสริมจมูกที่ไหนดี ที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไข้ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากครับ ซึ่งหมอมีข้อพิจารณาในการเลือกเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดี ดังนี้
- ต้องเป็นสถานพยาบาลหรือคลินิกที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
- ศัลยแพทย์ต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ของแพทสภา และควรมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมากกว่า 10 ปี และทีมแพทย์ รวมไปถึงพยาบาลต้องผ่านการอบรมตามมาตรฐาน
- คลินิกต้องมีเทคนิคการเสริมจมูกให้เลือกหลายแบบ เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม, ซิลิโคนอเมริกา, เสริมซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหู, เติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก, เหลากระดูกฮัมพ์ และการปรับโครงสร้างจมูก Nose Reconstruction ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะกับการเสริมจมูกของแต่ละคน
- คลินิกต้องมีห้องสำหรับการผ่าตัดโดยเฉพาะ มีห้องปลอดเชื้อที่ได้มาตรฐาน และเครื่องมือครบครัน มีความทันสมัย
- ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นมือออาชีพ ทั้งก่อน-หลังรับการผ่าตัด
พร้อมด้วยทีมคอนเซ้าท์ที่คอยดูแลและต้อนรับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องความสวยความงามอย่างครบวงจร คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดี มีมาตรฐานสูงสุดจากโรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีซอย่างแน่นอน
สรุป
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีแพลนเสริมจมูก เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงซิลิโคนทะลุหรือจมูกเบี้ยว เอียงได้ ที่สำคัญคือให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ถาวร ทั้งนี้ควรเลือกคลินิกเสริมจมูกโอเพ่นที่ได้มาตรฐาน และผ่าตัดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ ถึงจะปลอดภัยและคุ้มค่า
หรือสำหรับใครที่อยากเสริมจมูกแต่กลัวการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น สามารถเสริมจมูกแบบไม่ผ่าตัดที่เป็นหัตถการอย่างการฉีดฟิลเลอร์จมูกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งก็ได้เช่นกันครับ
รวมคำถามก่อนเสริมจมูก Open
เสริมจมูกแบบโอเพ่นกี่เดือนเข้าที่ ?
ส่วนใหญ่แล้วหลังเสริมจมูก จมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไปครับ โดยจะยุบบวมประมาณ
- 60% ใน 1 อาทิตย์
- 80% ใน 1 เดือน
- เข้าที่ 90 -100% ในอีก 3-6 เดือน
เสริมจมูกแบบโอเพ่น ห้ามกินอะไรบ้าง ?
หลังเสริมจมูก การดูแลตัวเองในด้านการกินถือว่าสำคัญมากครับ เพราะอาหารบางอย่าง อาจจะส่งผลให้แผลหายช้าหรือเกิดการติดเชื้อได้ เช่น อาหารที่มีรสจัด อาหารหมักดอง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารทะเลในบางราย รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากอาหารแล้วก็ควรงดการกินวิตามิน อาหารเสริมเช่นกัน เพราะยาบางตัวจะมีปฏิกิริยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า แผลเกิดการบวมช้ำและยากต่อการรักษา เช่น ยาสมุนไพร วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันรำข้าว เป็นต้น