สิวผด

สิวผด

สิวผด มีลักษณะเป็นเม็ดผื่นใสเล็ก ๆ สีแดง มักมาพร้อมอาการแสบคัน และเป็น ๆ หาย ๆ ครับ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้รักษาหายแล้วก็ยังทิ้งรอยดำไว้

สำหรับใครที่มีปัญหาสิวผด และกำลังมองหาวิธีรักษา เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุดในเบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสิวผด คืออะไร เกิดจากอะไร มีกี่แบบ กี่ประเภท รักษาและป้องกันด้วยวิธีไหนได้บ้างการฉีด เมโสหน้าใส ช่วยได้อย่างไร หมออธิบายไว้ในบทความนี้ครับ

สิวผด คืออะไร ?

สิวผด (Acne Aestivalis หรือ Mallorca Acne) คือสิวประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นตุ่มผื่นเล็ก ๆ (papules) ขนาดใกล้เคียงกัน มีลักษณะเป็นหัวปิด (Papule) จึงไม่สามารถบีบ หรือกดออกแบบสิวประเภทอื่นได้ โดยจะขึ้นกระจายทั่วใบหน้า บริเวณหน้าผาก แก้ม คาง ขมับ ไรผม ซึ่งเป็นบริเวณที่โดนแสงแดดได้ง่าย มีเหงื่อออกมาก ทำให้เกิดการระคายเคือง จึงทำให้เกิดปัญหาสิวประเภทนี้ได้ง่าย

สิวผด คืออะไร

โดยทั่วไป สิวผดสามารถหายเองได้ครับ แต่ต้องใช้เวลา ส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะบีบ แกะ เกาด้วยอาการคัน จึงส่งผลให้สิวผดหายช้า และเกิดผิวอักเสบตามมา กลายเป็นสิวผดเรื้อรัง และมีโอกาสเกิดรอยแดง รอยคล้ำ รอยแผลเป็นได้ง่ายแม้สิวผดหายแล้วก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ หมอแนะนำให้รีบดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดตามมาภายหลังได้ ซึ่งหมอจะอธิบายวิธีการดูแลภายหลังในหัวข้อถัดไปครับ

สิวผด เกิดจากอะไร ?

ในทางการแพทย์พบว่า สิวผดสามารถเกิดได้จากเชื้อรา Pityrosporum ovale (P. ovale) เป็นเชื้อรายีสต์ประเภทหนึ่งในกลุ่ม มาลาสซีเซีย (Malassezia species) โดยทั่วไปจะพบเชื้อชนิดนี้ที่ผิวหนังของทุกคนครับ แต่หากต่อมไขมันทำงานผิดปกติ มีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไป ซึ่งจะเป็นอาหารของยีสต์ชนิดนี้ ทำให้เชื้อเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้สิวผด ยังเกิดได้จากการระคายเคืองจากมลภาวะต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้น เช่นแสงแดด ความร้อน หรืออาการแพ้เหงื่อในคนบางกลุ่ม ทำให้ต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมด และเกิดการอุดตันเป็นตุ่มเล็ก ๆ เหมือนเม็ดผด

สาเหตุการเกิดสิวผด

  • มลพิษจากสิ่งแวดล้อม
  • การแพ้น้ำหรือเหงื่อ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
  • การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
  • การเช็ดถูหน้าที่บ่อยและรุนแรง
  • เครื่องสำอางบางประเภท, อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด
  • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
  • ภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง

ลักษณะของสิวผด

สิวผด มีลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ (papules) มีขนาดใกล้เคียงกัน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร หากลูบผิวบริเวณที่สิวผดขึ้นจะรู้สึกสาก โดยสิวผดจะดูเรียบขึ้นหรือดีขึ้นในตอนเช้าและจะเห่อขึ้นจนเห็นได้ชัดในช่วงบ่าย เวลาเหงื่อออก หรือเวลาที่อากาศร้อน ยิ่งล้างหน้าบ่อยก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวผดมากขึ้นครับ

ตำแหน่งที่สิวผดมักเกิด ได้แก่

  • สิวผดที่หน้าผาก
  • สิวผดที่แก้ม
  • สิวผดที่คาง
  • สิวผดที่หลัง
  • สิวผดที่คอ
  • สิวผดที่หน้าอก
  • สิวผดที่จมูก

สิวผด ต่างกับ สิวชนิดอื่นอย่างไร ?

สิ่งที่สิวผดแตกต่างออกไปจากสิวประเภทอื่น ๆ คือ คนไข้จะมีอาการคันบริเวณที่เป็นสิวผด ซึ่งสิวทั่วไปจะไม่แสดงอาการคัน นอกจากนี้สิวผดจะแสดงอาการเมื่ออากาศร้อน ยิ่งร้อนมาก ก็จะยิ่งขึ้นมากครับ เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ออกกำลังกาย หรือทำงานกลางแจ้ง จะสังเกตเห็นเป็นผื่นสีแดงขึ้นอย่างชัดเจน

สิวผด VS สิวอุดตัน ต่างกันอย่างไร ?

สิวผด กับ สิวอุดตัน ต่างกันอย่างไร ? ความจริงแล้วสิวทั้ง 2 แบบ มีความต่างกันตามลักษณะและสาเหตุการเกิด ดังนี้

  • สิวผด มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ไม่มีหัวสิว หากลูบผิวบริเวณที่สิวผดขึ้นจะรู้สึกสาก ผิวไม่เรียบเนียน จะเห่อ แดง และคัน เมื่อถูกกระตุ้นจากมลภาวะ แสงแดด และความร้อน สาเหตุการเกิดสิวผด จะเกิดจากการแพ้ระคายเคืองต่อปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดสิว รวมไปถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ การเช็ดถูหน้าบ่อยและรุนแรง เครื่องสำอางบางประเภท อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวผดได้
  • สิวอุดตัน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ สิวอุดตันหัวปิด และสิวอุดตัดหัวเปิด ต้องกดออกถึงจะหาย แบบหัวปิดจะมีรากสิวลึกและกดออกยากกว่า จึงมีโอกาสลุกลามกลายเป็นสิวอักเสบได้สูง สาเหตุการเกิดสิวอุดตัน มักจะมาจากการอุดตันของรูขุมขน ทั้งการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม การล้างหน้าไม่สะอาด รวมไปถึงผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้หน้ามัน พอเจอฝุ่นละออง เมคอัพก็ยิ่งเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่ายขึ้นครับ

ประเภทของสิวผด

ประเภทสิวผด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  1. สิวผดจากผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย : เป็นลักษณะการเกิดสิวผดจากผิวที่ไม่แข็งแรง อ่อนแอ แพ้ง่าย โดยธรรมชาติแล้วผิวลักษณะนี้เมื่อโดนกระตุ้นจากอากาศที่ร้อนหรือเย็นจัด ฝุ่น มลภาวะ ครีม ทำให้สิวผดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
  2. สิวผดจากพฤติกรรม : ข้อนี้คนไข้สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมของตนเองได้ เพื่อไม่เป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวผด ได้แก่
    • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
    • การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวบาง เช่น ครีมที่มีกรดลอกผิวต่าง ๆ
    • การทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่สะอาดพอ ทำให้เกิดสารเคมีตกค้าง

การดูแลตนเองเมื่อเป็นสิวผด

เมื่อมีสิวผดขึ้น ยิ่งต้องดูแลผิวหน้าให้มากขึ้นครับ คนไข้บางรายพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แต่ถึงอย่างไรก็ควรดูแลตัวเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวควบคู่กันไปด้วย ตามข้อปฏิบัติที่หมอแนะนำ เพื่อให้สิวผดหายได้เร็วขึ้น

1. หยุดแกะและบีบสิว

การสัมผัส แกะ เกา และบีบสิวผด อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิว นิ้วมือและซอกเล็บยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่อาจทำเกิดการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ การแกะหรือบีบสิวเองยังเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ รอยสิว และเกิดแผลเป็นตามมา

2. ล้างหน้าอย่างถูกวิธี

ล้างหน้าอย่างถูกวิธีลด สิวผด

การล้างหน้าอย่างถูกวิธีเริ่มที่การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือคลีนซิ่ง ให้เหมาะกับสภาพผิว และไม่มีสารที่ก่อให้เกิดสิวง่าย ได้แก่ แอลกอฮอล์ น้ำมัน น้ำหอม พาราเบน ควรเลือกที่มีส่วนผสมของสารรักษาสิว เช่น กรด Salicylic, Sodium Sulfacetamide หรือ Benzoyl Peroxide ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดสิวได้

3. หลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียด ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และ แอนโดรเจน (androgens) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันและอาจทำให้เกิดสิว จึงควรหลีกเลี่ยงและหาวิธีลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำงานอดิเรก หรือการนั่งสมาธิเพื่อลดการกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิว

4. ใช้สารผลัดเซลล์ผิว

สิวผดส่วนใหญ่มักเกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ทำให้ไขมันไม่สามารถออกไปยังผิวด้านนอกได้ การผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำด้วยการใช้สครับ ครีมรักษาสิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว อย่างเอเอชเอ (AHA) บีเอชเอ (BHA) ช่วยดึงไขมันเหล่านี้ออกมาจากรูขุมขนและลดความเสี่ยงที่จะเกิดการอุดตันได้ แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวบางและอ่อนแอได้เช่นกัน จึงควรใช้อย่างเหมาะสมครับ

5. เลือกสกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว

แต่ละคนมีสภาพผิวที่แตกต่างกันเช่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย แต่ละสภาพผิวมีวิธีการดูแลและการเลือกใช้สกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวที่แตกต่างกัน จึงควรทดสอบการแพ้ก่อนนำผลิตภัณฑ์มาใช้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกสกินแคร์ช่วยต้านสิว อาจช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น

สำหรับคนไข้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แต่ต้องการรักษาสิวผดแบบเร่งด่วน อยากมีผิวหน้าที่แข็งแรงไร้สิว สามารถทำเมโสหน้าใส ควบคู่กับการดูแลตัวเอง ยิ่งจะช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ลดผดผื่น ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้ครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิธีการป้องกันการเกิดสิวผด

การดูแลและป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดสิวผด เป็นสิ่งที่คนไข้ไม่ควรมองข้ามครับ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวผด

1. ทําความสะอาดใบหน้าอย่างเหมาะสม

การทำความสะอาดใบหน้าอย่างเหมาะสม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือคลีนซิ่ง วันละ 2 ครั้งในช่วงเช้า-เย็น เพื่อทำความสะอาดรูขุมขน และล้างความมันส่วนเกินบนใบหน้าออก การล้างหน้าหรือเช็ดหน้าบ่อยเกินทำให้ผิวระคายเคืองและเป็นการกระตุ้นให้สิวผดลุกลามได้

2. หลีกเลี่ยงการโดนแดด

แสงแดดและความร้อนเป็นปัจจัยในการกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตไขมันส่วนเกินหรือที่รู้จักกันว่าคือ seborrhea ออกมามาก การผลิตน้ำมันส่วนเกินนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว

หลีกเลี่ยงการโดนแดด

อีกทั้งแสงแดดยังมีรังสียูวีที่สามารถทำร้ายผิวได้ถึงชั้นด้านใน สามารถทำร้ายผิวในระยะยาวได้หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ก็จะต้องป้องกันผิวไม่ให้สัมผัสแสงแดดโดยตรง ด้วยการหมั่นทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป และไม่แนะนำให้อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน

3. บำรุงผิวหน้าให้แข็งแรง

  • บำรุงผิวจากภายใน
  • นอกจากการลดความเครียด การพักผ่อนที่เพียงพอการดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสม การทานผักผลไม้ และการเลือกทานอาหารเสริมหรือวิตามิน C, วิตามิน E, Zinc และGrape Seed สามารถช่วยให้ผิวพรรณที่สดใส และบำรุงผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้
  • บำรุงผิวจากภายนอก
  • การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เอสเซ้นส์เซรั่ม ครีมบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด, เซราไมด์, วิตามินอี, วิตามินซี รวมถึงการฉีด เมโสหน้าใสถือเป็นวิธีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรงอยู่เสมอ

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี โดยมีข้อพิจารณาดังนี้

เลือกคลินิกอย่างปลอดภัย หมอชิน
  • คลินิกได้มาตรฐาน เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ ราคาสมเหตุสมผล
  • ติดต่อได้ง่ายผ่านช่องทางติดต่อต่าง ๆ เช่น Line@, Facebook Manager
  • สามารถเข้าไปปรึกษาและตรวจประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจฉีด
  • มีการติดตามเคสอย่างต่อเนื่องจนจบเคส

รักษาสิวอุดตันสิวผดด้วยตัวเอง

เมื่อพบว่ามีสิวผดสิวอุดตันขึ้นบนใบหน้า คนไข้ส่วนใหญ่พยายามเร่งรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติครับ การใช้ยาแต้มสิวหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสม ของ Benzoyl Peroxide (เบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์) ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ลดการอุดตันรูขุมขนได้

หมอมีข้อแนะนำในการใช้ Benzoyl Peroxide อย่างถูกวิธี ดังนี้

  1. บีบ Benzoyl Peroxide ลงบนคอตตอนบัดที่สะอาด (เลี่ยงการบีบใส่นิ้วมือโดยตรงเพื่อลดการติดเชื้อ)
  2. ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว ทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ 5 นาที (คนไข้ที่ใช้ครั้งแรก) แต่ไม่ควรเกิน 30 นาที
  3. ในบริเวณที่ทาจะมีอาการคันยิบ ๆ หลังล้างหน้าอาการคันจะหายไป
  4. สามารถใช้ครีมบำรุงผิวหลังล้างหน้าได้ โดยเว้นบริเวณที่เกิดสิว เพื่อลดการระคายเคืองข้อควรระวัง : หากทาเลยสิวที่เป็น หรือทิ้งไว้นานเกินไป ผิวรอบ ๆ อาจเกิดอาการแห้งลอกและแสบแดง

แต่ทางที่ดีคนไข้ควรเข้ารับการรักษาโดยเแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการรักษาที่ตรงจุด และได้ผลลัพธ์การรักษาที่รวดเร็วครับ

เมโสหน้าใสรักษาสิวผด

เมโสหน้าใส นอกจะช่วยปรับสภาพผิวขาวกระจ่างใสแล้ว ยังช่วยขับสารพิษที่ตกค้างในผิว ลดการอักเสบของผิว ลดผดผื่นทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้ หลัง ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงอาจมีรอยบวมเข็มเล็กน้อย สามารถหายได้เองใน 1-3 วัน หลังฉีดเมโสหน้าใส ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานถึง 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลตัวเองส่วนบุคคล

เมโสหน้าใสรักษาสิวผด

ทั้งนี้ การฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางลัดในการนำส่วนผสมที่อยู่ในครีมบำรุงต่าง ๆ ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้ออกฤทธิ์และเห็นผลไวขึ้น จากที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน ลดปัญหาการเกิดสิวผดได้ เป็นหัตถการที่คุ้มค่า ราคาไม่แพงครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม :

สิวผด แบบไหนที่ต้องให้แพทย์รักษา ?

หมอขอแบ่งระดับความรุนแรงของสิวผดออกเป็น 3 ระดับ

  1. สิวผดเล็กน้อย รักษาโดยใช้ยาทา
  2. สิวผดปานกลาง รักษาโดยใช้ยาทา ร่วมกันกับฆ่าเชื้อแบบรับประทาน (ควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา)
  3. สิวผดรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนัง
สิวผด แบบไหนที่ต้องให้แพทย์รักษา

กรณีที่เป็นสิวผดชนิดรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาผิวผดเบื้องต้นใน 2-3 เดือน ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง (Second line treatment) ครับ

รักษาสิวผดกี่วันหาย ?

ระยะเวลารักษาสิวผดโดยทั่วไปจะใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณ บริเวณ และอาการของสิวผด และชนิดของยาที่ใช้ หากใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอรักษา ในช่วงเดือนแรกจะมีสิวเห่อขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นอาการจึงจะค่อย ๆ ดีขึ้น ใช้ระยะเวลารวมประมาณ 3 เดือน

นอกจากนี้ การรักษาสิวผดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สามารถทำควบคู่กับการทำ เมโสหน้าใส สูตร มาเด้ คอลลาเจนซึ่งมีจุดเด่นในการช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดสิว ผดผื่น ผิวอักเสบ เพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้กลับมาแข็งแรงกระจ่างใส สุขภาพผิวดีป้องกันการเกิดสิวผดใหม่ในอนาคตได้

มาเด้ คอลลาเจน ฟื้นฟูผิว

สรุป

สิวผด เกิดขึ้นจากการกระตุ้นโดยมลภาวะ แสงแดด และความร้อน ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ด้านการรักษาสิวผดสามารถป้องกันและรักษาด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือนหรือมากกว่านั้น หากคนไข้กังวลใจอยากให้สิวผดหายไว สามารถรักษาด้วยการฉีดเมโสหน้าใส และมาเด้คอลลาเจน ควบคู่กันได้ เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่รวดเร็ว ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว เร่งฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวหลังสิวผดหายได้ครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า